คลองจั่น
เย็นวันนั้น...
ผมเดินเท้าข้ามคลองเล็กๆ ระหว่างซอยลาดพร้าว 99 กับลาดพร้าว 101
พระอาทิตย์ยังอาลัยแสงสุดท้ายของวันอยู่...
เหนือผิวน้ำค้างคาวสี่ห้าตัว บินฉวัดเฉวียนหลีกทางกันอย่างรวดเร็ว
ต้นไม้ริมน้ำครึ้มใหญ่ แต่น้ำในคลองดำมืดและมองไม่เห็นสิ่งมีชีวิตใต้นั้น
ป้ายบอกชื่อคลองสีเขียว เขียนว่า "จั่น"
เย็นวันนั้น...
ผมยืนนิ่งมองผิวน้ำและค้าวคาวกลุ่มนั้น
ใจล่องลอยไปไกลจากจุดที่สายตาประทับหยุด
คลองนี้เพิ่งถูกขุดหรือมีมานานแล้วกัน?
มีมานานแค่ไหน? แล้วเมื่อก่อนมันมีสภาพเป็นอย่างไรบ้างนะ?
ชีวิตในบ้านริมคลองนั้นแตกต่างจากวันเวลาเช่นนี้ไหม?
ผมยังแกะเปลือกถั่วแล้วโยนเข้าปาก
ทีละเม็ด ทีละเม็ด ใจล่องลอยในเย็นวันนั้น
บางครั้งก็เหมือนละเลยกับสิ่งรอบตัว
เรื่องราวนานาประการทำให้เราผ่านชีวิตแต่ละวันมาได้
ผมได้แต่ส่ายหน้าแล้วปฎิเสธการขายจากผุ้คนมากมายที่เวียนเข้ามา
ชายหูหนวก คนแขนด้วน ป้าขายมาลัย กระทั่งคนแก่ที่แบมือขอกันดื้อๆ
ไม่รู้ว่าสีหน้าตอนนั้นบอกได้หรือไม่ว่า ใจร้ายขนาดใหน
แต่ทุกครั้งหลังพวกเขาลับไปจากสายตา ใจก็หม่นเศร้าไม่อาจยินดีได้โดยเร็ว
บางครั้งในบางครั้งนั้น ผมนั่งละเลียดอาหารที่นานวันจะได้ชิม
คล้ายร่ำรวยและเสพสุข แต่ไม่มีจิตใจพอที่จะช่วยใครสักคนที่เขาดิ้นรนจะมีชีวิตอยู่
ใจร้าย - นิยามตัวเองในช่วงลมหายใจไหลเข้ากระท่อนกระแท่นได้เพียงเท่านั้น
แน่นอน, ความรู้สึกหลังจากนั้นคือสิ่งที่ไม่ชอบมากที่สุด
คนเราควรจะพอใจและเต็มที่กับการกระทำของตนเอง เมื่อตัดสินใจกระไรแล้ว
ยิ้มสู้และยอมรับมัน แต่ผมก็ยังเป็นมนุษย์มีรู้สึกหวั่นไหวไปบ้าง
คลองจั่นในเย็นวันนั้น...
ทำให้ผมได้มองเห็นตัวเอง จากภายนอก
ต้นไม้ นก ค้างคาว แมลง สายลม ผู้คนแน่นถนนลาดพร้าว
รถเมล์คันนั้นจอดนิ่งพอๆ กับที่ผมหยุดอยู่หน้าถังขยะแล้วแกะเปลือกถั่วทีละเม็ด
ฟ้ามืดแล้ว...ราตรีกำลังย่ำเท้ามาเยือน
สายตาของผู้โดยสารเหม่อลอย ผมเดินลากเวลามุ่งหน้าสู่ ซอย 101
โลกกำลังเร่งรีบ มีผมเดินถ่วงมันไว้ในด้านที่ผมรับผิดชอบ
เย็นวันนั้น...
ผมไม่ได้ควักกระเป๋าให้ขอทานคนไหนเลย.....
ป.ล.
เหมือนจะเศร้า (ซึ่งก็มีด้านนั้นด้วย)
แต่อย่างน้อยเย็นวันนั้นก็ยังเป็นยามเย็นที่ผมรู้สึกว่าดีที่ได้ทบทวนตัวเอง
ได้ละเลียดเวลาอย่างขนมหวาน ได้เห็นพระอาทิตย์ ท้องฟ้ายามเย็น ได้สัมผัสสายลม
และได้รอคอยใครคนนั้น...