the Fall from anotherside, Yean

ระหว่างร่วงหล่นจากขอบสะพานสู่ห้วงน้ำเบื้องล่าง คำถามใดวิ่งวนสู่มโนสำนึก...

Thursday, August 24, 2006

คลองจั่น

เย็นวันนั้น...
ผมเดินเท้าข้ามคลองเล็กๆ ระหว่างซอยลาดพร้าว 99 กับลาดพร้าว 101
พระอาทิตย์ยังอาลัยแสงสุดท้ายของวันอยู่...
เหนือผิวน้ำค้างคาวสี่ห้าตัว บินฉวัดเฉวียนหลีกทางกันอย่างรวดเร็ว
ต้นไม้ริมน้ำครึ้มใหญ่ แต่น้ำในคลองดำมืดและมองไม่เห็นสิ่งมีชีวิตใต้นั้น
ป้ายบอกชื่อคลองสีเขียว เขียนว่า "จั่น"

เย็นวันนั้น...
ผมยืนนิ่งมองผิวน้ำและค้าวคาวกลุ่มนั้น
ใจล่องลอยไปไกลจากจุดที่สายตาประทับหยุด
คลองนี้เพิ่งถูกขุดหรือมีมานานแล้วกัน?
มีมานานแค่ไหน? แล้วเมื่อก่อนมันมีสภาพเป็นอย่างไรบ้างนะ?
ชีวิตในบ้านริมคลองนั้นแตกต่างจากวันเวลาเช่นนี้ไหม?
ผมยังแกะเปลือกถั่วแล้วโยนเข้าปาก
ทีละเม็ด ทีละเม็ด ใจล่องลอยในเย็นวันนั้น

บางครั้งก็เหมือนละเลยกับสิ่งรอบตัว
เรื่องราวนานาประการทำให้เราผ่านชีวิตแต่ละวันมาได้
ผมได้แต่ส่ายหน้าแล้วปฎิเสธการขายจากผุ้คนมากมายที่เวียนเข้ามา
ชายหูหนวก คนแขนด้วน ป้าขายมาลัย กระทั่งคนแก่ที่แบมือขอกันดื้อๆ
ไม่รู้ว่าสีหน้าตอนนั้นบอกได้หรือไม่ว่า ใจร้ายขนาดใหน
แต่ทุกครั้งหลังพวกเขาลับไปจากสายตา ใจก็หม่นเศร้าไม่อาจยินดีได้โดยเร็ว
บางครั้งในบางครั้งนั้น ผมนั่งละเลียดอาหารที่นานวันจะได้ชิม
คล้ายร่ำรวยและเสพสุข แต่ไม่มีจิตใจพอที่จะช่วยใครสักคนที่เขาดิ้นรนจะมีชีวิตอยู่
ใจร้าย - นิยามตัวเองในช่วงลมหายใจไหลเข้ากระท่อนกระแท่นได้เพียงเท่านั้น

แน่นอน, ความรู้สึกหลังจากนั้นคือสิ่งที่ไม่ชอบมากที่สุด
คนเราควรจะพอใจและเต็มที่กับการกระทำของตนเอง เมื่อตัดสินใจกระไรแล้ว
ยิ้มสู้และยอมรับมัน แต่ผมก็ยังเป็นมนุษย์มีรู้สึกหวั่นไหวไปบ้าง

คลองจั่นในเย็นวันนั้น...
ทำให้ผมได้มองเห็นตัวเอง จากภายนอก
ต้นไม้ นก ค้างคาว แมลง สายลม ผู้คนแน่นถนนลาดพร้าว
รถเมล์คันนั้นจอดนิ่งพอๆ กับที่ผมหยุดอยู่หน้าถังขยะแล้วแกะเปลือกถั่วทีละเม็ด
ฟ้ามืดแล้ว...ราตรีกำลังย่ำเท้ามาเยือน
สายตาของผู้โดยสารเหม่อลอย ผมเดินลากเวลามุ่งหน้าสู่ ซอย 101
โลกกำลังเร่งรีบ มีผมเดินถ่วงมันไว้ในด้านที่ผมรับผิดชอบ

เย็นวันนั้น...
ผมไม่ได้ควักกระเป๋าให้ขอทานคนไหนเลย.....

ป.ล.
เหมือนจะเศร้า (ซึ่งก็มีด้านนั้นด้วย)
แต่อย่างน้อยเย็นวันนั้นก็ยังเป็นยามเย็นที่ผมรู้สึกว่าดีที่ได้ทบทวนตัวเอง
ได้ละเลียดเวลาอย่างขนมหวาน ได้เห็นพระอาทิตย์ ท้องฟ้ายามเย็น ได้สัมผัสสายลม
และได้รอคอยใครคนนั้น...

15 Comments:

At 9:59 PM, Blogger AUY ^ ^ said...

เป็นเหมือนกันเลยพี่
เป็นคนขี้สงสาร
ให้ได้ก็ให้
แต่บางวัน บางที เราก็ไม่มี ก็ไม่ได้ให้

ชีวิตมันไม่สมดุลเนอะ
ต่างคนต่างกรรม

มีชีวิตอยู่ ก็ต้องสู้กันต่อไป

^^

ปล. 1.อ๊ะๆๆ แอบไปรอใครเอ่ย^^
2.จะเอาfall on your knees ไปให้พี่อ่านอ่ะ

 
At 12:39 AM, Anonymous Anonymous said...

สมัยเรียนมัธยม
ผมไปนั่งกินก๊วยเตี๋ยวข้างทาง
ระหว่างนั่งกิน ก็มีเด็กผู้ชายมอมแมมมาขอเงิน

ผมบอกว่าไม่มี
เด็กผู้ชายคนนั้นก็ด่าว่า
"ไม่มีตังค์ แล้วมานั่งกินก๊วยเตี๋ยวได้ยังไง ไปตายซะไป"

อึ้งลูกเดียวครับ (- -")

 
At 12:20 PM, Anonymous Anonymous said...

เคยสงสัยมั้ยว่าชื่อพวก คลองจั่น นี่มัน"จั่น"อะไร
จั๊กจั่น เยอะหรืออะไร
หรือมาจากคำว่าจันทร์เพราะพระจันทร์ที่สะท้อนบนผิวน้ำในคลองนั้นงามนัก
คลองแสนแสบ แสบตรงไหน ทำไมจึงชื่อแสนแสบ
ชีวิตฉันมักจะสงสัยเรื่องแบบนี้เสมอๆ

แฮ่ะๆ สงสัยชีวิตจะยุ่งยากซับซ้อนไม่พอ

บางครั้งนั่งรถไกลๆ ไม่มีหนังสือในมือ
สิ่งที่สนุกที่สุดคือการได้จินตนาการถึงที่มาของชื่อตำบล อำเภอที่อ่านเจอตรงข้างทาง
หนองหัวช้าง อืม มันคงมีการค้นพบหัวช้างตอนตั้งชื่อ
เออ อาจจะเป็นช้างยุคจูราสสิค
แล้วภาพการ์ตูนเรื่องแมมมอธก็มาเต้นระบำในความคิด บลา บลา บลา
..ไม่กี่มากน้อย เราก็ถึงที่หมายสบายผิดกัน

ไม่ได้เดินทางไกลๆนานแล้ว ไม่ได้ซ้อมคิดตามชื่อป้ายข้างทางเสียนาน

ฉันมักจะให้ขนมกับพวกเด็กที่มาขอเงินนะ
เป็นเจ้าแม่ขนม ขนมเยอะในกระเป๋า ส่วนมากเด็กจะยอมรับได้
หากมาขอเงินซื้อข้าว ก็จะซื้อข้าวให้ถ้าสามารถในขณะนั้น

บางทีฉันแอบคิดว่าการทำแบบนั้น เป็นการเห็นแก่ตัว
อยากให้ตัเองมีความสุขเล็กๆ แต่สร้างคนแบบนี้ขึ้นมาอีกมากมายในสังคม

(--") เขียนอะไรสั้นๆไม่ค่อยเป็นอ่ะ

 
At 4:01 PM, Anonymous Anonymous said...

เมื่อเช้าก็เจอเหตุการณ์ที่มีคนมาขอตังค์เหมือนกัน
ตอนแรกก็ถามทางไปนู่นไปนี่ บอกว่าหลงทาง
ไอ้เราก็อุตส่าห์ยืนบอกอยู่ตั้งนาน รีบก็รีบ จะ 9 โมงแล้ว กลัวไปตอกบัตรไม่ทัน

คุยไปคุยมา สรุปว่า
"นู๋ ป้าขอเงินหน่อย"

เท่านั้นแหละ พี่วิ่งข้ามสะพานลอยไปเลย หูยยย
แต่พอกลับมาคิด อืม เค้าอาจจะไม่มีเงินจริงๆ ก็ได้นะ...

ว่าแต่ ใครกันน้าที่ไปรออ่ะ..^^

ป.ล. ส่งโปสการ์ดมายังเนี่ย ยังไม่ได้รับเลยนา

 
At 5:18 PM, Anonymous Anonymous said...

ไอ่อ้วนยีน,

กรุงเทพฯยังมีคลองน้ำขุ่น ดำ เน่า เหม็น อีกหลายสายเลยให้ไปยืนมอง...

แต่หากใช้จิตใจที่ใสสะอาดมองดูมันดีดี(อย่างที่ยีนเป็น) บางทีก็อาจจะเห็นบรรดากุ้งหอยปูปลาบางตัวที่อุตสาหะและไม่กลัวน้ำดำเหม็น มาว่ายเล่นใช้ชีวิตคลุกโคลนตมอย่างหนุกหนานอยู่ก็เป็นได้

ที่เห็นอย่างนั้นอาจเพราะเรามีดวงตาที่สาม แต่ถ้าไม่เห็นก็ไม่แปลกอะไรนี่นะ ความจริงก็คือความจริงอยู่วันยังค่ำ เราจะเลือกมองดูและรับรู้มันในแบบไหนกัน...

ส่วนเรื่องให้เงินผู้ด้อยโอกาสกว่าเรานั่นน่ะเป็นเรื่องที่พี่จ๋อยเองก็ยังคิดขัดแย้งในใจ ให้-ไม่ให้ดีน้า...

อะไรบางอย่างในโลกปัจจุบันรวมทั้งตัวเราเองด้วยที่คิดอะไรมากมายซับซ้อนขึ้น จนบางครั้งก็ทำให้เรามอง คิดและตัดสินคนอื่นอื่นด้วยท่าทีที่แตกต่างกันออกไป...เฮ้อ เฮ้อ เฮ้อ...

แต่ท่าทีที่ไม่วางเฉยต่อสิ่งใดใดและอะไรในใลกจนเกินไปนั้น ก็คงทำให้เราพอจะใช้ชีวิตอยู่บนโลกนี้ได้อย่างมีความสุขตามอัตภาพบ้างล่ะนะ

ต้องปรับสมดุลให้ชีวิตว่ะ ไม่มีอะไรขาวจัด-ดำจัด ชัดเจนหรอกเนอะ

ป.ล. ไรเนี่ยตอบยาวว่ะ

 
At 12:11 AM, Anonymous Anonymous said...

ความรู้สึกคงเป็นอย่างที่พี่ตอบผม
ไม่รู้เป้นไรว่ะ แอดบล๊อคตัวเองไม่ได้เลยว่ะ...

 
At 12:59 PM, Anonymous Anonymous said...

ไหนอ่ะไหน เรื่องแรงโน้มถ่วง-แรงดึงดูดอ่ะ

อิอิ เข้ามาปั่น-ป่วน

แบร่รรรรรรรร...

 
At 11:48 AM, Anonymous Anonymous said...

บังเอิญจริง ๆ ตอนผมเข้ามาใน Blog นี้กำลังฟังเพลง Spirit On The Water จากอัลบั้มล่าสุดของ Bob dylan พอดี (ฟังจาก Net แหละครับ)

ไอ่เรื่องคนขายดอกไม้ พวงมาลัย ขอทาน ฯลฯ ผมก็เพิ่งเจอมาเมื่อวาน ตอนกำลังนั่งกินอะไรอย่างมีความสุข ...ผมซื้อดอกไม้จากเด็กคนหนึ่ง แต่พอยายอีกคนมาขายดอกไม้เหมือนกัน ผมปฏิเสธ แอบรู้สึกว่า เราช่วยใครไม่ได้ทุกคน

ยิ่งเพิ่งกลับจาก เสวนา "ห้างยักษ์ วิกฤติ หรือ โอกาส" ด้วยแล้ว ยิ่งรู้สึกว่าทำอะไรกับมันแทบไม่ได้เลย...

เศร้าเล็ก ๆ แต่ก็มีคนปลอบว่า "ถ้าเราลุกฮือไม่ได้ขนาดนั้น แค่เห็นใจและรับรู้ ก็คงเพียงพอสำหรับตอนนี้ อนาคตก็เป็นอีกเรื่อง"

 
At 1:29 PM, Anonymous Anonymous said...

ไปรอใครอ่ะ
หึ่งนะ หึ่ง หึ่งนะ หึ่ง

 
At 10:59 PM, Anonymous Anonymous said...

สงสัยเจ้าของบล็อกคงยุ่ง ^^

 
At 12:20 PM, Anonymous Anonymous said...

ยีนน

ดิฉันดูข่าวว่าสุโขทัยน้ำท่วมนิ ที่บ้านเป็นไงบ้าง
แวะมาถามข่าวคราวซะงั้น
อ่ะ มันเป็นตู้จดหมายน้อย กล่องคอมเม้นนี่นะ

 
At 1:58 PM, Blogger ไอ้หนวดยีน said...

ฮือๆ พิมพ์ซะยาว ตอบทุกคนเลย
ดันลืมพิมพ์ชื่อ กดโพสต์ซะก่อน
หาสยหมดเลย ฮือๆๆ
ไว้วันหลังมาตอบใหม่นะ

 
At 7:59 AM, Blogger ไอ้หนวดยีน said...

แฮ่ม!
สวัสดีจ้าทุกท่าน...ห่างหายไปหลายเพลา
สวัสดีเดือนกันยายน พ.ศ.2549
เมื่อวานพิมพ์ตอบทุกท่านเลยน้า แต่ทว่า...
สึ่งตึงมันเลยหายหมดเลย เช้านี้ตั้งใจจะตอบให้ครบทุกท่านไม่รู้ว่าจะหายไปอีกไหมเลย...สู้ๆ

น้องอุ๋ย...
อืม เราก็สงสารอ่ะ ชีวิตมันไม่สมดุล ต้องสู้กันต่อไปแหละจ้า แต่ทว่าอยากอ่านหนังสืออ่ะ อยากอ่านๆๆๆ ^^

คุณขาม...
ผมก็ต่อสู้ในใจเสมอเลยครับ กับสถานการณ์เช่นนั้น คือ เหมือนกับว่าเรามีเงินพอที่จะไปหาความสุขในตัวเอง แต่ใจร้ายพอที่จะไม่แบ่งปันตามที่คควรทำได้ แต่อีกใจหนึ่งก็คือ มันเป็นการวางแผนของเราแล้วว่าเดือนนี้จะสามารถไปนั่งกินข้าวข้างนอก ร้านอร่อยๆ ได้มากน้อยเท่าใด ไม่ใช่ทุกวันและหลังจากวันเหล่านั้นเราก็ต้องเผชิญหน้ากับความยากจนในระดับของเราต่อไป อืม มันดูใจร้ายทั้งนั้นเลย แต่ผมก็ให้นะ เพียงแต่ความรู้สึกเช่นนี้มักเกิดตอนที่ไม่ได้ให้มากกว่าน่ะครับ ^^

น้าจูน...
ไม่เคยคิดแฮะน้า...ส่วนใหญ่เวลานั่งรถไกลๆ ผมจะมองหาป้ายข้างทางที่ทำให้อารมณ์ดีมากกว่าอ่ะ เช่น ข้าวแกงสุ๑๐๐๐๐ (อืม ทำไปได้)หรืออีกสิบห้ากิโลฯถึงก๋วยเตี๋ยวเนื้อเจ้าอร่อย (อืม บอกซะไหลเชียว ตรูหากินที่อื่นก่อนล่ะกว่าจะถึงลืมพอดี) ทำนองนั้นอ่ะ เราต่างมีชุดคำตอบที่เอาไว้ดูแลตัวเองอ่ะ - ถือว่าตอบสั้นๆ ไหมเนี่ย?

พี่จอย...ลิงใจดี..
อืม เขาอาจไม่มีตังค์จริงๆ ก็ได้นะ
ส่วนจดหมายสงสัยมันจะเดินทางไปผิดบ้านแล้วซะมั้งครับ (ฮ่าๆ ไม่ได้ตอบอ่ะพี่ ^^)เอ...หรือพี่บ่าวคนนั้นมาแอบขโมยไปแล้วนะ

พี่จ๋อย...
อืม ผมมีจิตใจที่ใสสะอาดมองดูมันดีดีหรอหรือนี่? ^^
ดวงตาที่สามทำงานในวันเวลาที่เหมาะสม หากสามารถมองเห็นได้อย่างนั้นบ่อยๆ ใจคงดีอ่ะครับ
จะไม่วางเฉยต่อโลกจนเกินไปครับ โลกไม่ขาวจัด-ดำจัด เรายังอยู่ในโลกใบเดียวกันนิครับ ^^

พี่บุญชิตฯ...
อืม ไม่ได้เข้ามาคอมเม้นท์นานเลยนะครับ
รถสายสี่สี่ที่พาผมเดินทางเดี๋ยวนี้ ไม่ค่อยเห็นว่าติดป้าย "แฮปปี้แลนด์-คลองจั่น" เลยครับ ส่วนใหญ่เดี๋ยวนี้เป็น แฮปปี้แลนด์-คลองตัน กับ แฮปปี้แลนด์-ท่าเตียนน่ะครับ หากแต่ว่าเมื่อมันเป็นรถเมล์สายที่นำพาพี่กลับบ้านและออกเดินทางล่ะก็เท่านั้นมันก็มีความสุขขอความทรจำลอยวนในความทรงจำแล้วครับ ^^
อืม...แต่แฮปปี้แลนด์นี่ชื่ออย่างกับสวนสนุกเลยครับ

โต...
'ไรของเมิง
ก็เดินหน้าทำตามที่รู้สึกเถอะ พยายามเข้าเว้ย!

พี่จ๋อย...
'ไรเนี่ย เรื่องนั้นก็ยังอยากเขียนถึงอยู่ครับ
มีเรื่องที่อยากเขียนถึงอีกมากเลยครับ เรื่องแรงโน้มถ่วงแรงดึงดูดก็เป็นหนึ่งในนั้น...ชิ แบร่รรรรรรรรร รอไปก่อนเถอะครับพี่ ^^

ต้นเหวย...
อืม ฟังเพลงได้เหมาะยิ่ง ^^
เราช่วยคนไม่ได้ทุกคนจริงๆด้วย ต้นเอ๋ย...
ส่วนห้างยักษ์อ่ะ เช็ด! ประเทศเราน่ะมีห้างพวกนี้มากเป็นอันดับสามของโลกนะ สองอันดับแรกดูเหมือนว่าจะล่มสลายทางเศรษฐกิจไปแล้วนะ ไม่นาน-ไม่นาน เฮ้อ เราอาจได้เริ่มต้นใหม่ทั้งหมด...

มิ้ม...
มาหึ่ง หึ่ง อะไร? เดี๊ยะ!
บ่าวคนนั้นก็ตามมาตีหัวฉันหรอก
กลัวนะเนี่ย -_-"

คุณขาม...
ยุ่งครับ มีเรื่องให้ทำมากมายเลยครับ
แหะ แหะ จริงๆ ไม่ขนาดนั้น แต่ผมออกไปสูดลมหายใจในหลากสถานที่มาน่ะครับ เรื่องราวในชีวิตก็เลยบรรจุปริมาณเพิ่มขึ้นครับ แล้วมีโอกาสจะเล่าให้ฟังนะครับ อ่อ ผมอ่านพลูโตแล้วครับ ชอบเช่นเคย ถ้าหากการ์ตูนเรื่องนี้เขียนเพื่อระลึกถึงเท็ตซึกะ โอซามุ ผมคิดว่าตัวละครที่เป็นหมอแปลกๆ จากญี่ปุ่น และคิดค่ารักษาแพงๆ น่ะ "แบล็คแจ๊ก" ครับ ^^ ชอบประเด็นหุ่นยนต์ฝันและอยากเล่นดนตรีครับ มนุษย์เราแตกต่างและได้รับการยืนยันเช่นไรบ้างนะ โลกของหุ่นยนต์พิเศษหกตัวนั้น อืม อยากอ่านต่อแล้วครับ (ยังไม่ได้อ่านเด็กแห่วศตวรรษที่20 เล่มใหม่เลยครับ ฮือๆ)

น้าจูน...
สุโขทัยน้ำท่วมจริงๆ นั่นแหละครับ
แต่ว่าบ้านผมสบายดีครับ
ขอบคุณที่มาถามข่าวคราวกันครับ ^^

ไอ้หนวดยีน...
คราวนี้ลงชื่อก่อนแล้วค่อยโพสต์นะ
อย่าทำให้หายไปอีกล่ะ ไม่พิมพ์แล้วนะ
เหนื่อยๆ มันยาวอ่ะ ^^

 
At 9:37 PM, Anonymous Anonymous said...

เป็นอารมณ์เหงา..หงอยที่โรม้าน..ติกดี..แปลกๆ

สงสัยจะติดพี่จ๋อยมาแน่เลย..หุหุ

 
At 3:02 PM, Blogger ไอ้หนวดยีน said...

พี่เขียน...
บ้า ใครจะไปติดพี่จ๋อยมา
ผมผลิตมันขึ้นเองครับ ^^
แฮ่ม..เฉลยหน่อยนึง
ถั่วที่กินน่ะ พิตาซิโอ้เชียวนะ
ไม่ใช่ธรรมดานะครับ ฮ่าๆๆ

 

Post a Comment

<< Home