เมื่อคืนฝนตก (อีกแล้ว)
หลังจากฝนห่างฟ้าไปช่วงหนึ่ง
ผมเข้านอนเมื่อเริ่มเข้าวันใหม่
ตื่นนอนมาพบกับสายฝนนอกหน้าต่างห้อง
อากาศเย็นยะเยือกของรุ่งเช้า...
ข่าวก่อนนอนยังเป็นชีวิตจริงของผู้คน
ผู้เสียชีวิตไปแล้วจากข่าวสาร
สิบกว่าคน นับรวมทั้งพระสงฆ์และประชาชน
ที่ออกเดินมาบนท้องถนน
ความตายรอบเจดีย์
สถานที่ทางศาสนา
ตื่นมาพบกับข่าวเช้า รัฐบาลพม่ายอมรับว่า
มีการใช้ความรุนแรงในการปราบปรามการชุมนุม
(แน่ล่ะ ภาพข่าวปรากฏออกมามากกว่าปี1988 นี่หน่า)
นักข่าวชาวญี่ปุ่นเป็นชาวต่างชาติคนแรกในกรณีนี้
รัฐบาลพม่าอ้างว่า ได้ประกาศให้เวลาในการสลายการชุมนุม
สิบนาทีก่อนที่จะยิงกระสุนจริงในการสลายการชุมนุม
ใครจะรู้ว่า มันคือการยิงขึ้นฟ้าหรือยิงเข้าใส่ฝูงชน
ก็ในเมื่อมีคนล้มตายด้วยคมกระสุนแล้ว
ข่าวจากฝ่ายผู้ชุมนุมกล่าวว่า ทหารจะตรงเข้าค้นตัวทุกคน
ว่ามีอุปกรณ์ในการบันทึกภาพใดๆ หรือไม่ ทั้งโทรศัพท์และกล้องถ่ายภาพ
หากพบว่าใครมีสิ่งเหล่านี้ จะได้รับการทุบตีอย่างหนัก
เสียงบรรยายในจอเหลี่ยมยังบรรยายไปเรื่อยๆ
ภาพนิ่งหลายภาพค่อยๆ เลื่อนเข้าสู่คลองจักษุ รองเท้าแตะสีเหลืองกับกองเลือด
พระสงฆ์กับกองเพลิง เปลวไฟและผู้คน ช่างภาพที่ล้มลงใกล้กับทหารรายหนึ่ง
การเมืองช่างซับซ้อน
การคาดหวังต่อการตัดสนใจของรัฐบาลบ้านเรานั้นคงยากเย็น
แต่ อ. โคทม อารียา ได้กลาวว่า
บ้านเพื่อนข้างบ้านไฟไหม้ เราจะบอกว่าไม่มีผลต่อบ้านเรานั้นเเป็นไปไม่ได้หรอก
ฝนยังคงโปรยปรายในเดือนกันยายน...
ป.ล.
"...พุทธศาสนาที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่โบสถ์ ไม่ได้อยู่ที่จีวร แต่อยู่ในใจ
เพราะฉะนั้นตราบใดที่มีสันติภาพ
เราก็แน่ใจได้ว่าวันหนึ่งพุทธศาสนาจะงอกงามในใจคน
สันติภาพที่เกิดขึ้นอาจจะหมายถึงการกดขี่บีฑาชาวพุทธ
และกิจกรรมทางพุทธศาสนา
แต่มันไม่สามารถจะทำลายวัดหรือพุทธศาสนาในใจได้..."
ท่านติช นัท ฮันห์
อ้างจาก นิตยสาร way ฉบับที่ 10 หน้า 35