the Fall from anotherside, Yean

ระหว่างร่วงหล่นจากขอบสะพานสู่ห้วงน้ำเบื้องล่าง คำถามใดวิ่งวนสู่มโนสำนึก...

Saturday, November 25, 2006

เรื่องเล่าของวันนั้น

๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๔๙

ฉาก: ห้องเรียนรวมตรงหน้าตาเนื้อ

เด็กๆ ในห้องสโลปร้องเพลงวันเกิดให้เพื่อน – บรรยากาศร่าเริงสมกับเป็นเด็กม.ปลาย
อ่า...เด็กม.ปลาย
ในหัวเราบรรจุความหมายของเด็กม.ปลายกับนักศึกษาในมหาวิทยาลัย
ไว้แตกต่างกันเพียงใดนะ
สมอง - อวัยวะแปลกประหลาด ทั้งจดจำ คำนวน สร้างสรรค์ กระทั่งฟุ้งซ่าน
แม้นความรู้ทางวิทยาศาสตร์ ......

(เสียงในห้องดังเข้ามาในหน้ากระดาษที่เขียนว่า
มีรุ่นพี่นัดรุ่นน้องทำกิจกรรมเชียร์อะไรสักอย่าง
ที่ต้องเดินทางไปคณะสถาปัตฯ มหาวิทยาลัยศิลปากร
นัดน้องสี่โมง น้องบอกว่าเลิกเรียนสี่โมง พี่เลยบอกว่า
ให้ออกมาก่อนห้านาที – อุหน่าโลก)

....จะบอกเราว่า สมองต่างหากที่รู้สึก
แต่กระนั้นชั่วขณะเจ็บปวดกลับเป็นช่องอกทางซ้าย
ที่เหมือนฉีกขาดและกลวงเปล่า

ฉาก: ริมสนามรักบี้ในหัว

ช่วงเดือนสองเดือนที่ผ่านมา
หลายวันที่เดินผ่านสนามรักบี้หน้ามหาวิทยาลัย
สิ่งที่ชักชวนให้ทักทายและหันหน้ามอง คือ
แอ่งน้ำ หน้ากว้างประมาณครึ่งเมตร
ส่วนความลึก ไม่อาจคะเนด้วยดวงตา
เพราะความร่วมมือของแดดและน้ำในการหลอกลวง

ผมเริ่มใส่ใจและทำความรู้จักกับ “เธอ”
ในวันหนึ่งที่เธอปรากฏกายในลักษณะของหลุมดินในสนามรักบี้
ต่อเมื่อฝนผ่านฟ้า เธอเปลี่ยนโฉมเป็นแอ่งน้ำใสกระจ่าง
แดดสาดทั่วถึงก้นแอ่งน้ำ น้ำใสนิ่งจับตา
จากวันนั้น ผมทักทายเธอทุกเช้าที่เดินผ่าน อย่างน้อยก็เพียงยิ้ม
ผมแปลกใจเมื่อ หลังจากนั้นนับเดือน
เธอไม่เคยลดความกระจ่างไป
ไม่ว่าฝนจะตกต้องภายหลังหลายครั้งหลายหน
ผมชอบเธอ
เธอทำให้ผมนึกถึงเรื่องเล่าเกี่ยวกับต้นน้ำที่ยังไร้ร่องรอยของมนุษย์
ท้องน้ำเบื้องล่าง คือที่ทับถมของชีวิตที่ไหลผ่านไปแล้ว
ผมชอบดูเธอแล้วคิดถึงโลกที่ตาเนื้อไม่เคยสัมผัส

กระทั่งวันหนึ่ง
(ถึงตรงนี้เรื่องเล่าเดินทางเข้าสู่ภาวะการสร้างจุดเปลี่ยน
ผูกปม และขยายปมต่อไป)
หลังคืนฝนพรำเช่นหลายคืนที่ผ่านมา
รุ่งเช้า
เธอขุ่นข้น เสมือนว่าพื้นดินใต้แอ่งน้ำต้องสัมผัสเหยียบย่ำ
หรือมีบางสิ่งหล่นกระทบใส่
เธอขุ่นมัว ใจผมสั่น
นึกถึงเรื่องสั้นของพี่กนกพงศ์
เรื่องสั้นเรื่องหนึ่งในนิทานประเทศ
กล่าวถึงผืนป่า เมื่อมนุษย์เหยียบย่างถึง
แม้ปล่อยเปล่าร้าง
ไม่รบกวนป่าผืนนั้นอีกเนิ่นนาน
ร่องรอยแห่งการย่ำเหยียบยังคงอยู่
ป่าไม่อาจกลับคืนสภาพดังเดิม
ผมคิดถึงเธอในแง่นั้น

รอยยิ้มกับเธอวันนั้นจึงเหมือนโศกเศร้า
ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอจะมองเห็นรอยยิ้มหรือไม่...

ไม่ใช่วันนี้หรอกครับ
ที่ผมเห็นเธอกระจ่างใสอีกครั้ง
ผมยินดีที่พบเธอเช่นนั้น
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร
แต่สำหรับผมแล้ว มันเป็นสิ่งดีๆ น่ะครับ

ป.ล.
เหตุการณ์หลังจากตะวันตรงหัวในวันนั้น
มีพายุโถมทับอย่างมากมาย
แต่สายธารปลอบประโลมใจที่ทายทัก
ก็ทำให้รู้สึกดีๆ เสมือนว่าเพียงลมแผ่วผิวไป
เท่านั้น ...ขอบคุณครับ

ป.ล. ๒
เพลง คอบบร้าเห่าไฟสายฟ้า (ภาษาไทย) - ชอบ!