the Fall from anotherside, Yean

ระหว่างร่วงหล่นจากขอบสะพานสู่ห้วงน้ำเบื้องล่าง คำถามใดวิ่งวนสู่มโนสำนึก...

Saturday, May 20, 2006

ชัยพฤกษ์วิทยาศาสตร์ รู้รอบตัว และ “ฝน”

เช้านี้ฝนไม่ตก

เช้าวันเสาร์แสนหอมหวานผ่านไปก่อนผมตื่นเสียอีก ค่าที่ตื่นมาก็เลยเวลาเช้าแล้ว มือคลำหารีโมตกดเปิด หูแว่วได้ยินเสียงการ์ตูนดราก้อนบอลตอนที่โงกุนสู้กับพิคโกโร่มาจากจอโทรทัศน์ แต่พอเปิดเปลือกตามากลับเป็นรายการแนะนำภาพยนตร์ เอ็กซ์เม็นทรี เดอะ ลาส แสตนด์ (X-men III : the last stand) ทำให้ต้องลุกไปเข้าห้องน้ำ แปรงฟัน ชงกาแฟออกมานั่งจดจ่ออยู่หน้าจอโทรทัศน์

ไม่รู้อะไรสร้างความสนใจให้มากขนาดนั้น ที่นอนยังคงยับย่น หมอนวางผิดทิศทาง ผ้าห่มกองไว้ไม่ได้พับเก็บ บนที่นอนมีหนังสือที่ยืมมาจากห้องสมุดวางไว้ข้างหมอนสองเล่ม เป็นสองเล่มที่ทำเอาฝันแปลกๆ ในคืนที่ผ่านมา พอกาแฟหมดแก้วก็กลิ้งตัวลงซับถ้อยสนทนาของตัวการ์ตูนที่กลายเป็นภาพยนตร์ ในใจผุดประโยคเรียบง่ายคล้ายคำสั่ง “อยากไปดูเอ็กซ์เม็น อยากไปดูเอ็กซ์เม็น” (ขณะประสาทอีกส่วนหนึ่งโพล่งขึ้นมาว่า “เงินล่ะ ไอ้นี่ !”)

ถามตัวเองทำไมชอบภาพยนตร์ไซ-ไฟที่สร้างจากการ์ตูนซุปเปอร์ฮีโร่พวกนี้ ประเด็นมันอาจไม่ได้อยู่ที่ฉากตื่นเต้นอลังการ อาจเป็นปมในใจของตัวละครที่สร้างและซ้อนทับกันอยู่ หรืออาจเป็นปมในใจของผมเอง สมัยเด็กๆ โชคดีที่พี่ชายสนใจอ่านหนังสือ ผมเลยได้รับอานิสงส์ด้วย แม่อ่านสตรีสารและขวัญเรือน ส่วนพี่ชายมักมี ขายหัวเราะ เบบี้ ชัยพฤกษ์การ์ตูนและชัยพฤกษ์วิทยาศาสตร์ติดมืออยู่เสมอ (ส่วนคนออกเงิน - ไม่พ้นพ่อ) ผมอาศัยมรดกพวกนี้อ่านเรื่องราวที่เลยพ้นจากห้วงเวลาตีพิมพ์แล้ว (รวมถึงบางครั้งบางทีก็อาศัยหนูจ๋า และสกุลไทยจากเพื่อนบ้านด้วย) เมื่อโตขึ้นอีกหน่อยพี่ชายก็เปิดช่องให้นิตยสารรู้รอบตัวเดินทางมาถึงบ้านอีกเล่ม

ผมเติบโตมากับหนังสือนิตยสารดังกล่าว และเอาเข้าจริงๆ ก็ไม่ได้อ่านอะไรมากไปกว่าเนื้อหาในส่วนของเด็กๆ บทวิจารณ์ภาพยนตร์ไซ-ไฟในรู้รอบตัว ข่าวสารสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ ในชัยพฤกษ์วิทยาศาสตร์ ผมยังจำได้ถึงข่าวคราวเรื่องดาวหางฮัลเลย์มาเยือนเมืองไทย ที่ทุกวันนี้ผมยังเสียดายไม่หายเพราะในปีนั้น ผมเด็กเกินว่าจะมองเห็นว่าดวงไหนคือดาวหางที่ว่า กว่าฮัลเลย์จะกลับมาอีกหน ผมก็คงสายตาแย่เกินไปหรือหมดลมหายใจไปแล้วก็ได้ ผมว่าอาจเป็นโชคดีที่บ้านผมไม่ได้นำนิตยสารเก่าไปชั่งกิโลขายเสียหมด เพราะเมื่อโตขึ้นมาในวันวัยมากกว่านั้น สมัยประถมห้า ประถมหก และม.ต้น ผมกลับไปอ่านนิตยสารดังกล่าวอีกหนและอีกหลายๆ หน อ่านทุกคอลัมน์ที่มีในเล่ม (ยกเว้นแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์) กระทั่งพบว่าผมตื่นตะลึงและสนุกสนานกับนิยายวิทยาศาสตร์ในชัยพฤกษ์วิทยาศาสตร์ – รู้รอบตัว ผมนำนิตยสารทั้งสองเล่มมาวางเรียงตามวันที่และ พ.ศ. ค่อยๆเปิดอ่านไปทีละเล่ม หงุดหงิดขัดเคืองเมื่อบางเรื่องสั้นไม่จบในเล่มเดียว แถมเล่มต่อเนื่องก็หายไปเสียอีก

การตะลุยสนามจินตนาการของนักเขียนมากมายในช่วงวัยนั้น ทำให้ผมได้มีโอกาสรู้จักนามปากกานักแปลอย่าง ชัยคุปต์และนพดล เวชสวัสดิ์ ตื่นตะลึงกับจินตนาการท่องจักรวาล โลกเกิดมาจากหนไหน ใต้โลกลงไปมีอาณาจักรพิสดารที่ต้องยอมรับในเหตุผล การหลุดหล่นในจักรวาลพุ่งตกสู่โลกประดุจดาวตกดวงหนึ่งสว่างไสวเพียงวาบหนึ่งแล้วลาลับนิรันดร์ การหมุนเอนโทปรีกลับจะได้ผลเช่นใด รูหนอน การเดินทางย้อนเวลา การเคลื่อนยุคสมัยในความเชื่อของชาวอินคาโบราณ เมกะคอมพิวเตอร์ ปีกอวกาศ มนุษย์ต่างดาวหน้าเหมือนพระพรหม พล นิกร กิมหงวน ภาคจานบินแห่งประเทศสยาม ไดโนเสาร์มิได้หายไปไหน โพรนผู้นำหายนะสู่ผู้อยู่ใกล้เสมอ โลกไร้สรรพเสียงของมด อาวุธมหาประลัย ฯลฯ นอกจากนั้นในรู้รอบตัวยังมีนิยายนักสืบที่ทำเอาผมประทับใจในนิสัยกวนๆ แต่ฉลาดล้ำของตาเฒ่ากริสโวล์ในเรื่องสั้นชุด ยูเนี่ยน คลับ (Union Club) ของไอแซค อาซิมอฟ

ทุกวันนี้ผมยังเก็บนิตยสารที่เหลือใส่กล่องไว้อย่างดี เมื่อกลับไปบ้านบางครั้ง ก็จะนำมาเปิดอ่าน

ผมหยิบหนังสือที่ทำเอาฝันแปลกๆ เมื่อคืนมาเปิดดูอีกรอบ “หุ่นยนต์และอาวุธล้างโลก” และ “มนุษย์ต่างดาวกับสัตว์ยักษ์” ของ ดร.ชัยวัฒน์ คุประตกุล (หรือชัยคุปต์ในวัยเด็กของผมนั่นเอง) เมื่อวานนี้ ทั้งสองเล่มเกาะติดมือมาจากชั้นหนังสือในหอสมุดที่ไปเดินหาหนังสือมาทำวิทยานิพนธ์ แต่ได้หนังสือที่อยากอ่านมาแทนทุกที หนังสือสองเล่มนี้ทำให้ผมหวนนึกถึงนิตยสารวิทยาศาสตร์ที่เคยอ่านเมื่อวัยเยาว์ทั้งสองเล่มข้างต้น แล้วคำตอบก็ผุดพรายขึ้นมาถึงความรู้สึกพิสมัยเอ็กซ์เม็น มนุษย์เป็นวิวัฒนาการขั้นสุดท้ายของสิ่งมีชีวิตในโลกแล้วหรือ? เอ็กซ์เม็น มนุษย์กลายพันธุ์อาจเป็นปริศนาของปมในใจที่ผมอยากหาคำตอบ รวมถึงปมมโนทัศน์การแบ่งแยกผู้แตกต่างออกจากความเป็นเราคือพื้นฐานความคิดหนึ่งของมนุษย์จริงหรือ?

จักรวาล มนุษย์ต่างดาว สัตว์ประหลาด หุ่นยนต์ ปริศนานิรันดร์ต่างโบกไม้โบกมือมาทายทักโลกภายใน จากคำถามเริ่มต้นบางประการของชีวิตที่ตกทอดมาถึงวัยเยาว์ของผม หนังสือการ์ตูนวิทยาศาสตร์เรื่องหนึ่ง จบเรื่องด้วยภาพของจักรวาลเวิ้งว้างกับคำบรรยายว่า

เป็นไปได้หรอกหรือ, ในทุ่งนาอันกว้างใหญ่ไพศาลจะมีต้นข้าวเจริญงอกงามอยู่เพียงต้นเดียว?

ผมเริ่มต้นข้อเขียนว่า เช้านี้ฝนไม่ตก แต่ข่าวความรุนแรงในภาคใต้โดยสื่อของรัฐตามมาเล่นงานผมเมื่อใกล้เที่ยงวันจนได้ เรื่องความรุนแรงภาคใต้นั้นผมเชื่อว่าเกิดขึ้นจริง แต่ส่วนหนึ่งผมก็เข้าใจว่าเป็นสิ่งที่สื่อสร้างให้เกิดความสะเทือนใจต่อผู้คนพื้นที่อื่นๆ ของประเทศ โดยการนำเสนอว่า มีความรุนแรงเกิดขึ้นต่อคุณครูที่ถูกจับเป็นตัวประกันอย่างไรบ้าง ภาพอาวุธเปื้อนเลือด ภาพผู้บาดเจ็บที่สูญเสียชีวิต ผู้คนสงสารและพากันโกรธเคืองผู้กระทำขึ้นทันที (ซึ่งผมก็เป็น) แล้วทุกครั้งที่ความรู้สึกเช่นนี้เกิดขึ้นการแบ่งแยกคนให้ต่างจากกันก็เกิดตามมา ทั้งๆ ที่มีการตายมากมายเกิดขึ้นทุกวัน แต่ไม่ได้เดินทางมาถึงหน้าจอโทรทัศน์และหน้ากระดาษหนังสือพิมพ์เท่านั้น ส่วนตัวผมไม่ค่อยเชื่อในข่าวสารที่เดินทางมาถึงสื่อของรัฐเหมือนในวันวัยก่อน เพราะจากปากคำของเพื่อนหลายคนในภาคใต้มันต่างจากสื่อที่ผมรับรู้จนหม่นในใจ ผมไม่เชื่อการประกาศว่าเราเข้าถึงโครงข่ายของผู้ก่อการร้ายของ สสส.จชต. (หรืออะไรผมก็จำชื่อไม่ได้แล้ว แค่ชื่อหน่วยงานก็สร้างความสับสนแล้ว) จะนำไปสู่การแก้ปัญหาที่มีได้ ความขัดแย้งไม่ได้มีเพียงเหตุผลที่นำเสนอในข่าวสารของรัฐเท่านั้น หากยิ่งเราหันคมดาบใส่กัน ตาต่อตา ฟันต่อฟันจะนำไปสู่หนทางใด ผมไม่เชื่อเรื่องสงครามเพื่อสันติภาพ ข่าวคราวของครอบครัวรุ่นพี่หลายคนต้องย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองหลวง ทั้งที่ที่นั่นคือบ้านเกิดเมืองนอน แผ่นดินที่เขาเติบโตมา

ตราบเท่าที่เรายังมองว่าการไปถ่ายรูปร่วมกับกระเหรี่ยงคอยาวคือสถานที่ท่องเที่ยวหนึ่ง ภาคภูมิใจราวกับเป็นของแปลก มองไม่เห็นว่าเบื้องหลังนั้นวิถีชีวิตพวกเขาเปลี่ยนแปลงไปเพียงใด ตราบเท่าที่ยังเห็นว่าการพูดไม่ชัดแบบชาวพม่า ไทใหญ่คือเรื่องตลกขบขัน ตราบเท่าที่เรายังเชื่อว่าชาวเขาทำไร่เลื่อนลอย ตัดไม้ทำลายป่าคือข้อสรุปของปัญหาป่าไม้หมดจากเมืองไทย ตราบเท่าที่เชื่อว่าปัญหาความขัดแย้งต่างๆ สามารถแก้ไขได้ด้วยอาศัยเพียงผู้นำที่มีศีลธรรม กระนั้นก็เถอะ สุดท้ายผมอาจเข้าใจผิด บ่นบ้า และมองโลกแง่ร้ายไปเอง ว่า สังคมไทยไม่เคยยอมรับวัฒนธรรมที่แตกต่างจากนิยามของความเป็นไทยโดยรัฐรวมศูนย์ และหลงอยู่ในภาพของความสงบสุขเสมอมา คิดได้เท่านี้ฟ้าก็ปิดมืดครึ้มทันที

ขอโทษเถอะ ตอนนี้ “ฝน” ตกหนักเหลือเกิน

ปล. เชิด ทรงศรี จากโลกไปในวันนี้ ผมไม่ได้รู้จักท่านเป็นการส่วนตัว แต่เคารพและชื่นชมผ่านตัวหนังสือและงานกำกับภาพยนตร์ของท่านเรื่อยมา ทราบข่าวเรื่องการป่วยเป็นมะเร็งมานานพอสมควร ได้มีโอกาสอ่าน “นั่งคุยกับความตาย” ยิ้มให้กับความเยือกเย็น ร่าเริง เข้มแข็งของท่าน ผมเองไม่ใช่คนในวงการภาพยนตร์ไม่ได้รู้สึกสูญเสียท่านในฐานะใด นอกไปจากที่มนุษย์พึงมีต่อมนุษย์ด้วยกัน คารวะครับ!

14 Comments:

At 6:41 PM, Blogger ไอ้หนวดยีน said...

แหะๆ ผมพลาดจนได้ ^^
อองรียังอยู่กับอาร์เซนอลต่อไป ซึ่งน่ายินดี อยากเห็นความสามารถของเวนเกอร์ในการต่อสู้กับเงินถุงเงินถังต่อไป

แถมด้วยอาการปวดคอ นอนตกหมอน สงสัยจะเป็นโรคติดต่อทางกรรมพันธ์จากพ่อ ^^(เป็นมาสองวันล่ะ)

 
At 3:44 AM, Anonymous Anonymous said...

อืมมม...จากเรื่องนิยายวิทยาศาสตร์ เข้ามาสู่ความรุนแรงเชิงโครงสร้าง

เข้ามาเบื่อรัฐ และ เบื่อสื่อด้วยคน

 
At 9:46 AM, Anonymous Anonymous said...

ผมโตมากับ "ขวัญเรือน" ที่แม่และป้าอ่านครับ ตอนเด็กๆ ติดพวกนิทานในคอลัมน์สำหรับเด็กงอมแงม จะว่าไปก็คิดถึงขวัญเรือนครับ ให้ไปซื้อเองตอนนี้ผมคงกระดากๆ (ทั้งๆที่ไม่ควร) เจ้าของแผงหนังสือคงสงสัย ไอ้นี่ หน้าตาแบบนี้ มันอ่านขวัญเรือนด้วยเหรอ อีกอย่าง ผมไม่เห็นขวัญเรือนบนแผงหนังสือมานานแล้วล่ะ
...
ผมเคยติด "ข่าว" ที่สื่อทีวีนำเสนอนะครับ เคยตั้งนาฬิกาปลุกแต่เช้าเพื่อตื่นมาดูนักวิเคราะห์ข่าวคนโปรดเล่าเรื่องอะไรต่อมิอะไรให้ฟัง
แต่ตอนนี้เกิดอาการเซ็งต่อรูปแบบ ... ซ้ำซาก
บางครั้งก็คิดว่าพวกเขาให้ความสำคัญกับรุปแบบจนเกินไป จนลืมไปว่าที่สำคัญคือความจริงและเนื้อหา

โชคดีที่ผมยังมีช่อง เนชั่นฯ ให้ดู ... ก็ไม่ได้ชอบไปซะทั้งหมด แต่ก็เป็นทางเลือกที่เข้าท่าที่สุดช่วงนี้ (สำหรับผม) แล้วล่ะฮะ
...
ขอบ่นด้วยคนนะ 555

 
At 11:53 AM, Blogger ไอ้หนวดยีน said...

นั่นสิ ต้น^^
ไหงเขียนเลยเถิดไปอย่างนั้นได้ก็ไม่รู้
เขียนถึงนิยายวิทยาศาสตร์ที่รักอยู่ดีๆ
ทำไม ฝนเทลงมาได้ก็ไม่รู้

ไหนก็ไหนๆ แล้ว รักษาสุขภาพกันบ้างนะ
อากาศเปลี่ยน แต่คนนอนดึกก็ยังนอนดึก
สุ่มเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยที่คงไม่มีใครอยากเฉียดใกล้

เอ.. แต่ไม่แน่คุณ king of pain อาจนิยม^^
ผมก็ติดตาอ่านคอมลัมน์เด็กในนิตยสารเหล่านี้ เรื่องกำเนิดเทวดา กับสัตว์ในป่าหิมพานต์ทำเอาผมแทบรอให้แม่อ่านจบไม่ได้ คอยชะเง้อดูว่าเมื่อไหร่แม่จะวางสักที

อาการเสพติดข้อมูลข่าวสาร ผมก็เคยเป็นครับ ตามดูทุกอย่างกระทั่งรายการของหมักกับจืดก็ไม่เว้น เพราะอยากรู้ว่าคนอีกด้านคิดอะไรอยู่บ้าง

โชคร้าย ที่พักของผมไม่มีช่องเนชั่นฯให้ชม (ฮือๆ)
มีแต่ช่องDMC(ธรรมะแชแนล)ของธรรมกายให้ยล
เปิดมาตอนตีหนึ่งตีสอง รู้สึก(ไปเอง)ว่าเหมือนโดนสะกดจิต หน้าจอสีฟ้า มีรูปวงกลมกระแสคลื่นเลื่อนเข้าออกใหญ่เล็กควบไปกับเสียงทุ้มต่ำตลอดเวลา (ฮือๆยิ่งกว่า)

ปล.เรื่องนิยายวิทยาศาสตร์ต่ออีกนิด มีใครเคยอ่านการ์ตูนเรื่อง "ผ่าจักรวาล2001" ของYUKINOBU HOSHINO ที่ตีพิมพ์โดยสนพ.สยามอินเตอร์คอมมิคส์ บ้างไหมครับ สำหรับผมแล้วถือว่าเป็นการ์ตูนวิทยาศาสตร์ที่เหลือกินจริงๆ ทึ่งในจินตนาการหลายตอน มีทั้งวิทยาศาตร์ ศรัทธา ปรัชญา ความเชื่อ ศาสนาและความเป็นมนุษย์ในงานดังกล่าวเลย(แต่เก่าแล้วนะ สมัยยังเล่มละ25บาทอยู่เลย)ลองหามาอ่านกันดูนะ หากมีโอกาสน่ะครับ

 
At 6:18 PM, Blogger AUY ^ ^ said...

ตอนเด็กชอบอ่านขวัญเรือนเหมือนกัน
ได้อานิสงค์มาจากน้าสะใภ้
จำได้ว่า เคยตัวคอลัมภ์เพียงเสียวอารมณ์มาแปะสมุดรวมๆกันไว้

โตขึ้น ก็ยังแต่งกลอนไม่เอาไหนอยู่ดี
แหะๆๆ

 
At 8:19 PM, Blogger ไอ้หนวดยีน said...

ฮ่าๆๆๆ น้อง

ชื่อคอลัมน์น่ากลัวไปนะ เพียงเสียวอารมณ์เนี่ย!!!!
เข้าใจจากบริบทที่มีอยู่น่าจะ เพียงเสี้ยวอารมณ์จ้า

น้องอ่ะ พิมพ์ผิดน่าหวาดเสียวอีกแล้วอ่ะ^^
(สมัยเด็กๆเราตัดเก็บการ์ตูนเซ็นเซย่าจาก นสพ.ไทยรัฐล่ะ แต่ก็แอบอ่านกลอนของใยไหมด้วย หวานซะ^^)

 
At 12:40 AM, Anonymous Anonymous said...

การ์ตูนที่คุณยีนพูดถึงไม่เคยอ่านเลยฮะ ... แต่ถ้าพูดถึงการ์๖นแนวๆวิทยาศาสตร์ ผมชอบ Kiseiju หรือเรื่อง "ปรสิต" ของอาจารย์ ฮิโตชิ อิวากิ ไม่รู้ว่าจะจัดเป็นแนววิทยาศาสตร์ได้หรือเปล่า
เพราะการ์ตูนถึงสิ่งมีชีวิตนอกโลกที่มาแฝงตัวเป็นกาฝากในร่างกายมนุษย์ และฆ่าล้างมนุษย์เพื่อความอยู่รอด ผมว่าเขาเข้าใจคิดดีอ่ะ และเรื่องนี้ก็แฝงแง่คิดที่น่าคิดไว้หลายๆอย่าง
ผมมี 10 เล่มครบชุด แต่ตอนนี้สิบเล่มที่ว่าไม่ได้อยู่กับผมแล้วอ่ะ เศร้า T_T

 
At 12:41 AM, Anonymous Anonymous said...

^
^
ผมเองครับ

 
At 12:50 AM, Blogger ไอ้หนวดยีน said...

ดีครับ คุณ king of pain

เรื่องปรสิต ผมก็ชอบครับ^^
ถือเป็นไซ-ไฟแน่ๆครับ อ่านสมัยเรียนม.ต้น
ชอบวิธีคิดการสร้างเรื่องตัวละคร และเหตุผลของ
ความอยู่รอดครับ ชอบตอนท้ายเรื่องด้วยครับ
กับปรสิตที่ผมคิดว่าไม่มีใครจัดการได้ สุดท้ายก็..

รู้สึกเหมือนว่าโดนตบหน้าด้วยคำถามเรื่อง
มนุษย์เราทำลายธรรมชาติไปมากแค่ไหนแล้วน่ะครับ
เดี๋ยวยังเห็นเขานำมาพิมพ์ใหม่อีกนี่ครับ
น่าจะเก็บไว้ให้ครบนะครับ ^^

ปล. การ์ตูนเรื่องที่ผมว่าน่ะ มีสามเล่มจบเท่านั้นครับ สั้นๆ แต่ท่องจักรวาลเสียจนเห็นตัวเองเลยครับ

 
At 1:01 AM, Anonymous Anonymous said...

คือผมซื้อเก็บไว้ครบสิบเล่มแล้วครับ ตอนนั้นรู้สึกว่าจะปี 3หรือ 4 นี่ล่ะ เขาพิมพ์ใหม่ ผมตามซื้อทีละเล่มจนครบอ่ะครับ
แต่ว่าให้ทั้งสิบเล่มใครคนหนึ่งไปแล้ว ...
คงต้องซื้อใหม่ เริ่มต้นนับหนึ่งใหม่แล้วฮะ 555...

 
At 1:17 AM, Blogger ไอ้หนวดยีน said...

ฮ่าๆๆ
กระทบโดนเรื่องเล่าซ่อนเร้นเสียแล้ว
ฮ่าๆๆ
ให้ใครบางคนเนี่ยมันน่าสังสัย ^^

เอาครับ เริ่มต้นใหม่เลย
ผมก็ว่าเป็นการ์ตูนที่น่าเก็บอีกเรื่อง
เนื้อเรื่องดี เส้นสวย คำถามยั่งยืน

ไม่ทราบเคยอ่าน สปรีนแกน ไหมครับ
ที่พระเอกทำงานให้องค์กรในฐานะผู้พิทักษ์
อารยธรรมโบราณที่ล้ำหน้าปัจจุบัน
ผมว่าเรื่องนี้ผู้เขียนก็ค้นข้อมูลมาน่าดูเลย
พระเอกใส่ชุดกล้ามเนื้อเทียมด้วย
อ่านแล้วได้ความรู้เรื่องแหล่งอารยธรรมโบราณ
ชอบ แต่ผมมีไม่ครบทุกเล่มเสียดายเหมือนกัน
(รู้สึกจะคนเขียนเดียวกับเรื่อง ARMS)

เอ...คุยกันเรื่องการ์ตูนนี่ยาวแหะ^^

 
At 1:29 AM, Anonymous Anonymous said...

แหะๆ ไม่รู้จักครับเรื่อง สปรีนแกน อ่านที่คุณยีนพูดถึงก็น่าสนใจดีนะ

มีเรื่องนึงฮะ ... "ต้องรอด" ไม่รู้เคยผ่านตาหรือเปล่า ผมเคยอ่านของเพื่อนบางเล่มอ่ะครับ จำชื่อคนเขียนก็ไม่ได้แล้วด้วย แต่ก็ชอบสนุกดี

วันนี้คงต้องไปแวะร้านการ์ตูนซะแล้ว ^^

 
At 1:40 AM, Blogger ไอ้หนวดยีน said...

ต้องรอด - นี่อ่านตั้งแต่สมัยประถมแล้วครับ
ภาคแรกนะครับ เพราะเห็นโตมามีภาคสองมาเพิ่มอีก
ตอนเด็กอ่านด้วยความรู้สึกว่า โลกแตกแน่ๆ
ต้องคบกับเด็กร้ายไว้จะได้จุดไฟจากกระจกและกำแพงโรงเรียนได้ พกมีด พกที่ตัดเล็บติดกระเป๋าตลอดจนครูเจอถามบอก พกที่ตัดเล็บมาโรงเรียนทำไม แต่สุดท้ายครูนั่นแหละยืมไปตัด^^

ผมคงต้องนอนก่อนแล้วครับ คืนนี้
พรุ่งนี้มีธุระหลายประการต้องจัดการ
ไว้คุยกันอีกครับ ^^
(ก่อนที่ผมจะเอาการ์ตูนไปนอนฝันปนกันมากกว่านี้)

 
At 10:29 AM, Blogger Unknown said...

www0716




gucci handbags
off white
longchamp handbags
longchamp outlet
jordan shoes
suicoke sandals
michael kors handbags
moncler outlet
futbol baratas
oakley sunglasses






 

Post a Comment

<< Home