the Fall from anotherside, Yean

ระหว่างร่วงหล่นจากขอบสะพานสู่ห้วงน้ำเบื้องล่าง คำถามใดวิ่งวนสู่มโนสำนึก...

Tuesday, May 02, 2006

เสม็ด เสม็ด เสม็ด

เวลานัดออกเดินทางคือ ตีห้าเช้าวันเสาร์
กว่าจะได้ออกเดินทางที่นับจากการปิดประตูรถ ปล่อยล้อหมุน
มุ่งหน้าสู่ตะวันออกนั้นก็เกือบแปดโมงเช้า

ตลอดทางท้องฟ้าปิด แดดหลบไปพักผ่อนวันหยุด
เส้นทางไกลๆ ข้างหน้ามีกลุ่มเมฆลอยต่ำสีคล้ำเข้ม จนออกม่วงและดำ
พวกเรา ไอ้เบิน ไอ้นัท จี๊ด และผมตัดสินใจเลือกเส้นทางหลบหนีจาก
ถนนตัดผ่านชลบุรี บางแสน และเมืองริมทะเลทั้งหลาย เพื่อไปสู่ระยอง
โดยไม่ต้องเผชิญกับรถติด หลังจากแวะกินก๋วยเตี๋ยวใกล้สิบโมง
บริเวณที่พักริมทางก่อนถึงบ้านบึง ร้านก๋วยเตี๋ยวที่มีแต่นามบัตรของคนมากิน
กับคำชมที่เขียนติดไว้ แต่จากปลายลิ้นของผมเอง มันไม่ถูกปากเลยสักนิด

เมื่อตัดสินใจในเส้นทางแปลกหน้า ถนนที่ทำท่าจะไม่ใช่
แต่ในป้ายบอกทางบอกว่า ใช่ รถเลยวิ่งเข้าสู่บ้านคนในตำบลเล็กๆ
ตลอดเส้นทางเต็มไปด้วยเครื่องจักรทำงานก่อสร้างถนน
ไม่น้อยกว่าสามครั้งที่ต้องจอดรถเรียกความมั่นใจ
ในการเดินหน้าบนเส้นทางที่เลือกมาแล้ว จนกระทั่งถนนนั้นมาบรรจบ
กับเส้นทางสายใหญ่ ด้วยหนทางที่ผ่านมาทำให้ทุกคนลงมติว่า
ไปบนถนนเส้นใหญ่ดีกว่า
(ระหว่างนั้นมีแยกและเส้นทางลัดเมื่อดูจากแผนที่อยู่ตรงหน้าด้วย)

เพื่อนอีกคนทำหน้าที่เปิดแผนที่บอกถนนทางหลวง เทียบกับเส้นทางตรงหน้า
พวกเรามุ่งหน้าสู่ทางหลวงที่จะตัดเข้าสู่อำเภอปลวกแดงโดยพลัน
แต่เอาเข้าจริงๆ ไม่รู้ว่าตัดสินใจเลี้ยวเลยจากเป้าหมายไปเมื่อไหร่
กลายเป็นต้องเลยตามเลย คราวนี้พาพวกเราไปสู่เส้นทางแปลกหน้าอีกหน
แต่เป็นเส้นทางที่สวยงาม เพราะตัดผ่านเนินเขาหลากหลายเนิน ผ่านสวนยาง
ร่มรื่นเขียวครึ้ม ที่ขับเน้นให้ท้องฟ้าทะมึนดูน่ากลัวมากขึ้น ฝนเริ่มโปรยเม็ดแล้ว
แต่ผมกลับชอบเส้นทางที่หลงมานี้มาก เหมือนกับพวกเราค้นพบถนนที่ใครบางคน
ถากถางไว้ ถนนที่มีเรื่องเล่าไม่มากมายนัก ผมถึงกับบอกเพื่อนว่า
...ไม่มีถนนที่เราหลงทาง มีเพียงถนนที่เราอ้อมไปเท่านั้น...

แต่ถนนเส้นนี้ก็ยังมีเรื่องตื่นเต้น เพราะมันกลายเป็นถนนที่กำลังก่อสร้างอีกเช่นกัน
แถมถนนยังตัดผ่านเนินเขาอีกหลายลูก บางช่วงมีถนนใช้เพียงเลนเดียว
ทำให้ไม่อาจรู้ได้ว่า หลังเนินข้างหน้ามีรถใดวิ่งทะยานโจนตัวเข้าใส่เราหรือเปล่า?
ตื่นเต้นเหมือนวันวัยที่เริงร่ากับรถไฟเหาะ กลายเป็นความสนุกมากกว่าจะมา
กังวลกับเส้นทางแปลกหน้า โดยที่ไม่รู้เลยว่าอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า
พวกเราจะเฉา และกร่อยกับการเลือกที่ผ่านมาเพียงใด

หลังจากวิ่งเลาะริมหาดแม่รำพึง ค้นหาตลาดบ้านเพจนพบ
เราแวะหาอาหารรองท้อง ก่อนจะไปขึ้นเรือเวลาบ่ายโมง
แถมด้วยการเดินตลาดสดหาซื้อปลาหมึกและกุ้ง จะติดไปเผากิน
แกล้มเบียร์ที่ขนมา โอ้ บรรยากาศชายทะเลในฝันแบบชนชั้นกลวง
ข้าวของเริ่มเยอะขึ้น ผมซื้อปลาหมึกแผ่นทั้งแบบกรอบและเหนียว
สำหรับการเผชิญหน้ากับทะเล ยามตะวันลาลับ และยามเช้าสดใสพรุ่งนี้

แล้วเวลาที่รอคอยก็มาถึง ทยอยลงเรือออกจากชายฝั่งสู่เกาะเสม็ด
ชักภาพพอทำเนา ด้วยคำพูดที่ว่าเดี๋ยวที่เหลือไปถ่ายกันบนเกาะ
ต้องสารภาพประการหนึ่งว่าผมรู้จักเสม็ดครั้งแรก
สมัยยังเรียนอยู่ประถมหกเท่านั้น ครั้งนั้นความทรงจำบันทึกไว้ด้วย
เรื่องหาดทรายแก้ว ลงจากเรือโดยวิธีจอดเรือห่างจากฝั่งแล้วไต่ตาม
เชือกที่โยงเข้าชายหาด และตุ๊กแกในห้องน้ำ...
ครั้งนี้เสม็ดบรรจุความทรงจำใหม่ให้ผมเสียแล้ว

คุยกับลุงคนขับเรือขณะฝ่ากระแสคลื่น (ลุงแกใช้เท้าขับพวงมาลัย
ในบางจังหวะที่ชะโงกหน้ามานอกห้องขับด้วย) ถามถึงหาดที่สวยๆ
และน่าไปนอน ลุงแกแนะนำอ่าวพร้าวและอ่าวกิ่ว แต่พอบอกราคา
ที่พักผมก็ส่ายหน้าทันที คือ น่าจะตกคืนละ 7000 บาทเท่านั้นเอง
เรือค่อยๆ ฝ่าคลื่นเข้าใกล้ชายหาดทุกที จากบนเรือชายฝั่งส่วนใหญ่
กลายเป็นบ้านพักที่ยื่นเข้ามาสู่ท้องทะเล และกลายเป็นสิ่งปลูกสร้างแปลกปลอม
จากแนวต้นไม้เบื้องหลัง เรือมาจอดเทียบตรงหน้าด่าน ผมแปลกใจและแปลกตา
เล็กน้อยกับภาพทรงจำที่ต่างไปจากสายตาเห็น เพียงบอกตัวเองว่าเพราะ
เป็นคนละสถานที่ ระหว่างหาดทรายแก้วและหน้าด่านอาจแตกต่างกัน

สะพานท่าซีเมนต์ขนาดใหญ่ยื่นออกรับผู้แปลกหน้า จากเรือโดยสารจำนวนสิบกว่าลำ
พ้นจากสะพานท่าเทียบ ร้าน 7ELEVEN ตั้งตระหง่านรอรับผู้เดินทางบริเวณ
คิวรถสำหรับเดินทางไปสู่หาดต่างๆ และผมเองก็เดินเข้าไปใช้บริการเสียด้วยสิ
ยาอมเพื่อนชาวประมงกับโปสการ์ดบางใบ เพราะตั้งใจเขียนหาใครต่อใครมากมาย
ขณะกลิ้งเกลือกอยู่บนเกาะนี้ พวกเราเดินไปถึงหน้าหาดทรายแก้ว ผมไม่แน่ใจว่าใช่
สถานที่เดียวกับที่ความทรงจำบันทึกไว้ ผู้คนมากมายในวันหยุด

ร้านรวงนานาประเภท ผับเร็กเก้ บาร์เบียร์ ร่มเก้าอี้ชายหาด
เผอิญพบคนรู้จักคนหนึ่งจากเชียงใหม่อีกหน
ทักกันด้วยคำพูดว่า หาที่พักได้หรือยัง เพราะน้องคนนั้นหาที่พักไม่ได้เลย
แน่นอน พวกเรามาตายเอาดาบหน้า จากปากคำของไอ้นัทที่รับรองว่าเคยมา
ช่วงปีใหม่ยังมีที่พักเลย แต่ครั้งนี้ต่างออกไป...

ผมนั่งปูเสื่อเฝ้าของกับจี๊ด ขณะไอ้นัทและไอ้เบิน ตระเวนหาที่พัก
ทอดสายตามองไปบริเวณหาดทรายแก้ว แล้วรำพึงกับจี๊ดว่า
“มันต่างจากพัทยาตรงไหน(ว่ะ)”
ภาพทะเลในความฝันของชนชั้นกลาง
แตกทลายลงไปต่อหน้า หลังพวกเรามาพร้อมหน้าอีกหน ที่พักไม่ใช่
ไม่มีหรอกครับ เพียงแต่ราคาไม่เป็นที่ยอมรับเท่านั้นเอง ขนาดเต้นท์บริเวณ
หน้าอุทยานยังคิดราคา 1000/คืน (นอนได้สองคน) บ้านพักย่อมเยาจะอยู่ห่าง
ชายฝั่งพอเดินเหนื่อย ราคา 800/คืน ให้นอนห้องละสองคนเช่นกัน

หลังนั่งมองหน้ากันไปมา ตัดสินใจว่าควรทำอย่างไรกับภาวะเฉพาะหน้านี้
แล้วมติเอกฉันท์ก็มาถึง การเดินทางเที่ยวนี้มันผิดพลาดเสียแล้ว
ทุกคนผิดหวัง แต่ไม่อยากและไม่ควรโยนความผิดให้ไอ้นัทสำหรับการไม่จองที่พัก
ตัดสินใจเช่าเก้าอี้ชายหาดตัวละ 30 บาท แล้ววานป้าที่ขายส้มตำบริเวณนั้น
เผากุ้งและปลาหมึกมาเสวยกัน (ราคาค่าทำ 50 บาท)
ผมเปิดเบียร์กลั้วอาหารจานดังกล่าว ให้สมอยากบรรยากาศชายทะเลแบบ
ปิกนิกวันหยุด กุ้งกิโล ปลาหมึกกิโล หายวับ ผมเห็นสายตาของแหม่มสาว
คนที่นอนอยู่ใกล้แล้ว ตลกดี เขาทึ่งกับการล้างผลาญด้วยการเบิกตาโต
จนเมื่อพวกเราปิดท้ายด้วยขนมจากที่ซื้อมาจากตลาดบ้านเพ
แหม่มสาวก็หมดความอดกลั้น เดินเข้ามาถามว่าพวกเรากินอะไรกัน
จี๊ด ผู้ช่ำชองภาษาอังกฤษตอบทันทีว่า “จาก” แหม่มยังงงไม่เข้าใจ
จี๊ดตบด้วยประโยคเด็ดว่า “this is thai snack” แต่แหม่มสาวไม่เข้าใจสำเนียง
ของเพื่อนสาวคนเดียวในกลุ่ม แหม่มจึงสวนกลับด้วยประโยคที่ทำเอา

ผมกลั้นหัวเราะไม่อยู่ว่า “really snake?” ผมต้องรีบบอกแหม่มว่า
มันทำจากมะพร้าว หากปล่อยให้ แหม่มเข้าใจผิดต่อไป
คนไทยคงน่ากลัวพิกลเอางูย่างในใบตองมากินที่ชายหาด
(ถึงตรงนี้ผมนึกศัพท์ภาษาอังกฤษที่หมายถึงเผือกไม่ออก

จึงปล่อยให้แหม่มเข้าใจว่าทำจากมะพร้าวเท่านั้น – ใครรู้วานไขสมองทีนะ)

หลังเดินเหยียบน้ำทะเลหน้าหาด ชักภาพแก้เขินพอทำเนาแล้ว
พวกเราก็เดินเท้ากลับสู่หน้าด่านที่จากมาไม่ถึงสามชั่วโมงดี
นั่งเรือออกจากเกาะเสม็ด ไอ้นัทชักภาพบนเรือไว้ใบหนึ่งที่ผมบอกไอ้เบินว่า
เหมือนพวกเราไปรบแล้วแพ้กลับมา... ไอ้เบินบอกว่าเหมือนยังไม่สุด
ยังไม่ได้เล่นน้ำเลย พวกเรามาตามหาที่พักริมหาดแม่รำพึงอีกหน
แต่ได้รับคำตอบว่า เต็มหมดทุกที่แหละน้อง แนะนำให้ไปหาในตัวเมืองดีกว่า
(นี่หน้าตาอย่างผม ยังเป็นน้องเขาได้อีกเหรอเนี่ย - ดีใจ) หลังจากอัดอั้นมาทั้งวัน
และคลื่นกระหน่ำที่หน้าหาดยั่วยวนให้พวกเราลงเล่น จอดรถแล้วทะยานสู่
กระแสน้ำที่สูงเพียงระดับเอวเท่านั้น แต่เมื่อคลื่นกระแทกเข้าหา
กลับสูงเกือบท่วมหัว และจะมาติดต่อกันครั้งละสามสี่ลูกทุกครั้ง
อย่างน้อยการลงเล่นที่หาดแม่รำพึงก็ทำให้การมาเยือนทะเลไม่เสียเที่ยวนัก
พวกเราพาตัวเปียกน้ำทะเลหมาดขึ้นรถ เข้าสู่ตัวเมืองระยองเพื่อหาที่พักต่อไป
หลังคลำทางในเมืองแปลกหน้าก็ได้ห้องพักปรับอากาศสภาพน่าอาศัยในราคา
คืนละ 450 บาทเท่านั้น ซึ่งถือว่าการตัดสินใจเดินทางออกจากเกาะเสม็ดแล้วมาพัก
ในที่แห่งนี้เป็นเรื่องที่ถูกต้อง เพราะคืนนั้นไอ้นัทท้องเสีย เข้าห้องน้ำไม่น้อยกว่า
8-9 หน ส่วนผมไอจนต้องไปนอนใต้เครื่องปรับอากาศ และลุกขึ้นแต่เช้าเพื่อไปซื้อยา
ให้ไอ้นัท ผมไปเดินตลาดกับไอ้เบินสองคน แถมด้วยอาหารเช้าในตลาดสดสอง
(ที่ระยองเรียกต้มเลือดหมูว่าข้าวเลือดหมูนะ-เกร็ดเสริม)
กลับห้องพักนอนดูละครเกาหลีเช้าวันเสาร์อาทิตย์ ช่องเจ็ด
และพับโครงการเยือนเกาะสีชัง และเกาะล้านเสียสนิท
ไอ้เบินขับรถ ผมนั่งหลับบางช่วง ส่วนไอ้นัทนั้นหมดสภาพจากอาการท้องเสีย
เข้ากรุงเทพฯ ปิดฉากการเดินทางไปเสม็ดที่แสนกร่อย แต่ถือว่าโชคดี
ที่ไอ้นัทไม่ได้นอนท้องเสียบนเกาะ ไม่งั้นคงกร่อยกว่านี้อีกมากเลย

ปล. จบล่ะ ตอนแรกผมอยากเขียนถึงวันหยุดของชนชั้นกลางที่น่าผิดหวัง
ไม่มีที่ทางให้มากพอสำหรับคนเบี้ยน้อยหอยน้อย ไม่รู้อีกกี่เกาะที่จะต้องประดับไว้
ด้วยบาร์เร็กเก้ และขวดเบียร์เรียงหนาเป็นผนัง ซึ่งเรื่องเล่าอาจจะแสนเศร้ามากกว่า
อาการกร่อยที่มี เลยตัดสินใจเล่าแบบกร่อยๆ ที่นึกถึง “really snake?” ทีไรก็ยัง
ขำดีกว่า ^^

ปล. (อีกที) โลกนี้มันอื่นๆ อีกมากมายเสียจริง ขณะที่บ้านเราศาลยังไม่ตัดสินว่าจะลง
เอยเช่นไร ในอเมริกามีผู้ชุมนุมประท้วงเรื่องการอพยพเข้าประเทศ
ฝรั่งเศสกำลังจะเสนอกฎหมายเช่นเดียวกัน
แล้วเรือรบอับราฮัม ลินคอร์นมาเทียบท่าอ่าวไทยทำไมว่ะเนี่ย?

คิงจวยๆ


10 Comments:

At 9:08 AM, Anonymous Anonymous said...

เผือกคือทาโร่ ไม่ใช่เนื้อปลาเส้นนะ
taro ทา-โร่

แต่ก็เพิ่งรู้นะว่า ขนมจากทำจากเผือกอะ
ก็นึกว่ามะพร้าวเหมือนกัน

 
At 11:46 AM, Anonymous Anonymous said...

ที่จริงมันทำจากทั้งเผือกและมะพร้าวล่ะ ผสมกัน
สำหรับเจ้าที่เราซื้อมานะ

ความจริงตอนนั้นแหม่มยังถามว่า ทำจาก coconut and banana? ไม่รู้จะบอกอย่างไรว่า ไม่ใช่กล้วยแต่เป็นเผือก

อ่อ ทา-โร่ จะจำไว้นะ ขอบใจมาก

 
At 9:22 PM, Blogger AUY ^ ^ said...

ไปเที่ยวมาเหรอเนี่ย
น่าอิจฉาจริงๆ

อยากไปๆ

แหม่มนี่ก็กล้าดีเนอะ
อิอิ

 
At 8:02 AM, Anonymous Anonymous said...

เอิ้ก ไอ้หนวดยีน

 
At 10:49 AM, Anonymous Anonymous said...

เสม็ด ในวันนี้ ต่างกับในอดีตโดยสิ้นเชิงนะ
อยากให้เป็นเหมือนวันวาน จังเลย
ป.ล. ยังจำหมากฝรั่ง 2 อัน 1 บาท ได้ไหม หมากฝรั่งตรานกแก้ว ไง พี่ต้มฝากมาถาม ย้อนความทรงจำสมัยเด็ก

 
At 5:57 PM, Blogger ไอ้หนวดยีน said...

มาเอิ้ก อ๊าก อะไรอ่ะ มะลิสุ
------------

ไปเที่ยวน่าอิจฉาอะไรอ่ะ น้อง น้องน่ะทัวร์ไปทั่วแล้ว
แต่ยังชอบใจแหม่มไม่หายเลย
------------

กลายเป็นพวกโหยหาอดีตเลย แก่ว่ะ(ฉันนะ)
จำได้สิ หมากฝรั่งที่เอาเปลือกมาทาบแขนขา
แล้วเอาน้ำลูบ เป็นรอยสัก(สมมุติ) ติดตามตัวน่ะ
รสหวานเข้มตอนแรก และเคี้ยวจนแข็งในท้ายที่สุด
สมัยเด็กมียี่ห้อปลาฉลามมาแข่งกับนกแก้วด้วย แถมหมากฝรั่งบุหรี่ตราแมวอีกยี่ห้อด้วยก็ได้

 
At 11:56 AM, Anonymous Anonymous said...

เฮ้อ...ยีน

ถ้ารู้จักกันเร็วกว่านี้ จะบอกว่า ไปเกาะเสม็ดน่ะ ก็ต้องอ่าวลุงดำหรือแสงเทียนสิ ไม่มีบาร์เร็กเก้อะไรอย่างที่ว่านั่นหรอก แต่ถ้าไปช่วงเทศกาลที่ไหนไหนก็เต็มหมดอ่ะนะ

อ่าวกิ่ว เคยเป็นอ่าวที่สุดสวยในความทรงจำเมื่อเกือบสิบปีที่แล้ว สำหรับพี่จ๋อย
แปจจุบันมันกลายสภาพมาเป็นรีสอร์ตไฮโซ ที่ลำพังรายได้ชนชั้นกลางระดับล่างอยางเราเราไม่มีปัญญาไปพัก และไม่เห็นอยากไปที่ตรงไหน ชิ

เสม็ดน่ะ ต้องไปโดดน้ำที่สะพานลุงดำ กับกระท่อมบนต้นไม้นะ
ป.ล. ว่าแต่ยีนคงไม่ได้เข้ามาอ่านคอมเม้นท์นี่หรอก

 
At 9:50 AM, Blogger ไอ้หนวดยีน said...

พี่จ๋อย

รู้จักกันตอนนี้ก็ยังทัน
ไปเที่ยวด้วยกันเลย ^^
อืม แต่สถานที่ท่องเที่ยวที่กลายเป็นไฮโซขนาดนั้น ผมก็รับไมไหวนะ อยากให้รู้จักกับสายลม แสงแดดขอทะเลน่ะครับ ไปนั่งตายายมองทะเลกันก็ได้

อืม..
โดดน้ำพอไหวครับ น่าสนด้วย ^^
แต่บ้านบนต้นไม้ ผมจะทำพังไหมน้า

ป.ล.
ผมเข้ามาอ่านแล้วครับ ขอบคุณที่มาแนะนำครับ
ไว้เก็บตังค์ ไปเที่ยวด้วยกันนะ ^^

 
At 2:49 PM, Anonymous viwat said...

อยากไปอีกครั้งครับ...อยากกินหมึกแดดเดียวถวนั้น

 
At 2:51 PM, Blogger Unknown said...

www0629


pandora charms
lakers jerseys
michael kors outlet
air max 97
g-star jeans
yeezy boost 350
warriors jerseys
polo ralph lauren
vans shoes
canada goose jackets







 

Post a Comment

<< Home