the Fall from anotherside, Yean

ระหว่างร่วงหล่นจากขอบสะพานสู่ห้วงน้ำเบื้องล่าง คำถามใดวิ่งวนสู่มโนสำนึก...

Friday, February 16, 2007

บูชาครู

ผมเพิ่งยกมือจบท่วมหัว...
กับอาจารย์ในจอโทรทัศน์
ครูผู้ที่ทำให้ความหมายของผมทรงคุณค่ายิ่ง
เมื่อได้มีช่วงเวลาหนึ่งในชีวิตได้รับการสั่งสอน
พูดคุย และเมตตาจากอาจารย์ จากครู
ผู้ซึ่งผมถือเป็นครูที่แท้จริง...อาจารย์ประมวล เพ็งจันทร์

บรรทัดต่อไปข้างล่างนี้
คือบางถ้อยคำของครู
ที่รุ่นพี่คนหนึ่งบันทึกในสมุดเลคเชอร์ของรายวิชา
ที่ครูเป็นผู้สอน...

********************
ความยิ่งใหญ่ของการมีชีวิตอยู่วางตั้งอยู่บนเรื่องเล็กๆ ในการ
คิดและเลือกว่า อะไรมีประโยชน์และอัไรไม่มีประโยชน์นี่เอง เมื่อใดมี
การเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์และวิธีการคิดว่าอะไร "มี" หรือ "ไม่มี"
ประโยชน์ เมื่อนั้นจะเกิดการเปลี่ยนแปลง "ความหมาย" และ "คุณค่า"
ของชีวิตอย่างมโหฬาร

วิถีชีวิตของคนแต่ละคนเป็นไปตามวิถีแห่งการคิดและตัดสิน
ใจเลือกให้ความหมาย แก่สิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบตัวเรา และความหมายของ
สิ่งต่างๆ ที่เราให้ไปนั่นแหละ จะกลายมาเป็น "ความหมายแห่งชีวิตของเรา"

ปรัชญาก็คือทั้งหมดทั้งสิ้น ของกระบวนการเลือกให้ความหมาย
แก่สิ่งต่างๆ และตัวเองนั่นแหละ เพราะฉะนั้นบทบาทของปรัชญา
จึงไม่ใช่เป็นบทบาทของใครอื่น แต่เป็นบทบาทของตัวเราเองที่จะปรับ
แก้ แต่งเติม กระบวนการคิด ตัดสินใจ เลือกให้ความหมายแก่สิ่งต่างๆ
เพื่อให้เป็นความหมายที่งดงามแห่งชีวิต และตัวตนของเราเอง

*********************

ความ "เหนื่อย" เป็นความหมายของชีวิตที่มนุษย์แต่ละคน
กำลังแสวงหา พูดอย่างนี้เดี๋ยวจะงง จึงขออธิบายเพิ่มเติมเล็กน้อยดังนี้

ชีวิตของคนเรามีความหมายอยู่ที่ได้กระทำ และให้คุณค่ากับ
การกระทำนั้นๆ ตัวอย่างเช่น นักกีฬาวิ่งมาราธอน การได้วิ่งในระยะ
ที่ไกลๆ เป็นความหมายของความเป็นนักวิ่งมาราธอน เพราะความหมาย
ของการเป็นนักวิ่งมาราธอนก็คือ การได้วิ่ง ได้เหนื่อย ได้เข้าเส้นชัยด้วย
อาการเหนื่อยอ่อน ทั้งๆ ที่รู้และได้ประจักษ์แจ้งชัดแล้วว่าเหนื่อย แต่นัก
วิ่งมาราธอนก็ยังวิ่งอยู่ต่อไปไม่รู้สึกกลัวความเหนื่อย เพราะ "ความเหนื่อย"
คือ ความหมายของชีวิตนักวิ่งมาราธอน เมื่อใดที่เขาเลิกวิ่ง เขาก็จะไม่
เป็นนักวิ่งมาราธอนอีกต่อไป เหลือไว้เพียงอดีต

ชีวิตคนเรามีนัยความหมายคล้ายๆ กับการวิ่งมาราธอน คือ
ความหมายของความเป็นตัวเรา ขึ้นอยู่กับการกระทำ ในความเป็นนั้นๆ
ดังที่เราเป็นนักศึกษาอยู่ในปัจจุบันนี้ เหนื่อยไหมที่ต้องเป็นนักศึกษา ที่
ต้องอ่านหนังสือมากมาก นอนดึก ต้องมาอดทนนั่งฟังใครไม่รู้มาพูด
อะไรที่ไม่น่าสนใจให้ฟัง โดยที่เราไม่มีสิทธิ์ปฎิเสธและเลือกจะนั่งใน
เฉพาะเรื่องที่อยากนั่ง ทั้งๆ ที่รู้ว่าเหนื่อย แต่เราก็ไม่เลิกเป็นนักศึกษา
เพราะความเป็นนักศึกษามันมีความหมายให้คุณค่าบางอย่างแก่ชีวิต

ในการกระทำอื่นๆ ในชีวิตของแต่ละคนก็เช่นกัน ที่การกระทำ
นั้นก่อให้เกิดความหมายและคุณค่าแก่ชีวิต ต่างแต่เพียงว่าคนเราแต่ละคน
มีวิถีชีวิตของการแสวงหาความหมาย และสร้างคุณค่าผ่านการกระทำที่
แตกต่างกัน คนบางคน ความหมายและคุณค่าของชีวิตอยู่ที่ได้รับ
มาแล้วครอบครองไว้ ขณะที่บางคนความหมายและคุณค่าของชีวิตอยู่ที่
การให้ไม่ถือครองไว้ คนสองคนนี้เป็นคนเหมือนกัน แต่เขากำหนด
ความหมายแห่งความเป็นตัวเองแตกต่างกะน ไม่มีใครดี ไม่มีใครเลว ใน
ความแตกต่างนี้ มีแต่ว่า ตัวเราเองจะต้องเลือกที่จะแบบใดในสองแบบนี้
การจะเลือกได้ต้องเข้าใจความหมายของความเป็นสองแบบนี้ผ่าน "ความรัก"

ในกิจกรรมแห่งความรัก เมื่อใดที่เราปรารถนาจะรักใครสักคนหนึ่ง
แล้วความปรารถนางอกงามขึ้นในใจเรา การได้ "ให้" อะไรแก่คน
ที่เรารัก จะเป็นความสุขของเรา ในวันวาเลนไทน์ได้ให้ดอกกุหลาบดอกหนึ่ง
แก่เขาที่เรารักจะเป็นความหมายที่ดีงามในการได้ให้ แต่ในขณะเดียวกัน
ถ้าเราปรารถนาจะให้เขารักเรา เราก็อยาก "ได้" อะไรจากคนที่เราคาดหวัง
ความรักจากเค้า เมื่อเราปรารถนาความรักจากเขา เราก็จะมีสุขจากการ
"ได้รับ" จากเขา ตรงนี้คือความแตกต่างระหว่างความเป็น LOVER
และความเป็น BELOVER และนี่คือความหมายที่แตกต่างซึ่งเราจะต้องค้นหา
ให้เจอแล้วเลือกที่มีชีวิตแบบ LOVER ซึ่งเป็น
SUBJECT หรือแบบ BELOVER ซึ่งเป็น OBJECT
SUBJECT คือผู้กระทำ OBJECT คือผู้ถูกกระทำ
SUBJECT มีอิสระ OBJECT ไม่มีอิสระ
SUBJECT เป็น ACTIVE ขณะที่ OBJECT เป็น PASSIVE

ความหมายแห่งความเป็นตัวเราปรากฏขึ้น ณ จุดที่เราทำตัว
ของเราให้เป็น SUBJECT หรือ OBJECT

"ความเหนื่อย" เป็นสภาวะหนึ่งแห่งชีวิตที่เราจะต้องทำให้มัน
เป็นส่วนหนึ่งของตัวเรา ปัญหาอยู่ที่ว่าเราจะทำความเหนื่อยให้เป็น
ความหมายที่มีค่าเป็นบวก หรือลบ ถ้าความเหนื่อยมีค่าเป็นบวก ชีวิต
เราก็มีคุณค่าเพิ่มขึ้น แต่ถ้าความเหนื่อยมีค่าเป็นลบ ชีวิตเราก็มีคุณค่า
ลดลง ผมเองเพียรพยายามที่จะทำความเหนื่อยให้มีค่า เป็นบวกกับชีวิต
ผม ผมมีความสุขกับการที่ได้เผชิญกับความเหนื่อย เหมือนนักวิ่ง
มาราธอนที่มีความสุขกับการได้วิ่ง...วิ่ง...และก็วิ่ง

เมื่อใดที่ผมรู้สึกท้อกับกิจกรรมแห่งชีวิตที่ผมกำลังทำอยู่ ผมก็คิดคิด
เพียงแค่ว่า ผมมีเวลาอันสั้นๆ ที่จะได้ทำกิจกรรมนั้น และผมอาจจะ
ไม่มีโอกาสทำเช่นนั้นได้อีกเลยในชีวิตนี้

ขอบใจมากที่ให้เกียรติซักถามชวนคุยในประเด็นที่น่าสนใจใน
การดำเนินชีวิต

กุมภาพันธ์ 2547

***********************************

ผมทราบข่าวมาว่า...
ครูกำลังจะมีหนังสือที่เกิดจากประสบการณ์ในการเดินเท้า
จากเชียงใหม่สู่สมุย เพื่อเป้าหมายการเดินสู่ "บ้าน" ภายใน
ผมไม่รู้หนังสือวางแผงหรือยังนะครับ
แต่ถ้าวางแผงเมื่อไหร่...ผมจะไม่ลืมหามาเพื่อขยายมุมมอง
ในชีวิตที่ดีงามให้กลับมาอีกครั้ง...

ป.ล.
สำหรับเรื่องประสบการณ์การเดินเท้าของอาจารย์
สามารถหาอ่านได้จากที่นี่ก่อนนะครับ

6 Comments:

At 11:03 PM, Anonymous Anonymous said...

น้ำตาไหลเช่นเดียวกันครับพี่ยีน

วันอังคารนี้จะได้เจออาจารย์อีก

ป.ล. สงสารอาจารย์จัง

 
At 1:28 AM, Anonymous Anonymous said...

ผมได้ดูรายการทีวีคืนนั้นด้วยครับ ^^
ทราบเรื่องราวของอาจารย์ผ่านสื่อต่างๆ มานานแล้ว
แต่พึ่งได้เห็นบุคลิก การพูดจา ของท่านก็คืนนั้นเอง
ประทับใจอีกอย่างหนึ่งก็คือความรักที่อาจารย์และภรรยามีต่อกัน
น่ารักดี ^^

เข้ามาอ่านในช่วงที่รู้สึกเหนื่อยๆ พอดี
ขอบคุณครับ

 
At 8:20 PM, Anonymous Anonymous said...

ด็อง...
อืม ขอบคุณมากที่โทรมาชวนไปพบอาจารย์
เมื่อวันศุกร์...
มันดีจริงๆ ที่ได้พบอาจารย์อีก
ถ้สวันอังคารนี้ไม่มีอะไร
เราคงได้ไปพบอาจารย์อีก...

สงสารอาจารย์เหมือนกันนะ
ต้องมาทำอะไรที่ไม่เต็มใจนัก
ในเรื่องราวเหล่านี้

ป.ล.
วันนี้อ่านไทยรัฐ
(ธรรมดาไม่เคยซื้อเลย
ซื้อเพราะวิกกี้ขึ้นปกด้วยซ้ำนะเนี่ย--')
คอลัมน์ซูมหน้าสี่เขียนถึงหนังสือของ
อาจารย์ด้วย อยากจะอ่านเร็วๆ
ไม่รู้จะไปหาที่ไหนดีเลย...^^

คุณขาม...
อืม ผมซะอักไม่ค่อยทราบเรื่องราว
ตามสื่อของอาจารย์เลย
อาศัยน้องที่เคยเรียนกับอาจารย์
เหมือนกันส่งข่าวมาตลอดเลย
(ต้องขอบคุณทั้งตุลย์และด็องมาก)
ผมว่าในรายการคืนนั้น
อาจารย์มีท่าทีอึดอัดเหมือนกันนะครับ
แต่ความรู้สึกและเรื่องเล่าของอาจารย์
ก็ยังสามารถทำหน้าที่ต่อไปได้...

ผมก็นับถือภรรยาของอาจารย์ครับ
ในชั่วโมงเรียนมีเรื่องเล่ามากมายเลยครับ
ที่ทำให้ชีวิตสว่างขึ้นน่ะครับ คุณขาม

ผมก็ได้อ่านข้อเขียนเรื่องความเหนื่อย
ในวันเวลาที่จิตใจไม่ปกติ...
จำได้ว่า อ่านแล้วร้องไห้
นึกขอบคุณคนที่นำมาให้
ขอบคุณอาจารย์ และขอบคุณชีวิต
ที่ยังดำเนินต่อไปน่ะครับ
อาจารย์ทำให้อยากดำเนินชีวิต
โดยการขอบคุณในทุกสรรพสิ่งน่ะครับ
ขอบคุณด้วยครับ ^^

 
At 9:34 PM, Anonymous Anonymous said...

ช่วงสั้นๆตอนทำงานที่เชียงใหม่ ได้ร่วมงสนกับอาจารย์ค่ะ
แกน่ารักมาก รักภรรยาสุด
เคยได้อ่านเรื่องเดินเท้ากลับบ้านด้วยล่ะค่ะ
ได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างมากมายเลยจริงๆ

^^

อุ๋ย

 
At 1:27 PM, Anonymous Anonymous said...

มาตอบครับ

ด้วยความยินดีครับ ทำ link ได้ตามสบายเลยครับ ^0^

 
At 10:18 AM, Blogger ไอ้หนวดยีน said...

น้องอุ๋ย...
อืม จ้า
เราว่าจะไปหาซื้อ
หนังสืออาจารย์มาอ่านอยู่ล่ะ
หวังว่าคงช่วยบรรเทาความวุ่นวาย
ของชีวิตให้ช้าลงบ้างน่ะจ้า

คุณผู้ชายเจ้าชู้...
ขอบคุณครับ !!! ^^

 

Post a Comment

<< Home