the Fall from anotherside, Yean

ระหว่างร่วงหล่นจากขอบสะพานสู่ห้วงน้ำเบื้องล่าง คำถามใดวิ่งวนสู่มโนสำนึก...

Tuesday, January 16, 2007

อะไรกันเนี่ย? บล็อกลูกโซ่

น่านน่ะสิ ก็เลยไปตามหาอ่านตามที่มาเหล่านี้ซะเลย

"Blog Tag คืออะไร คือการที่ จขบ.ที่ได้รับ Tag
จะต้องเล่าเรื่องของตัวเองมา 5 ข้อ แล้วส่งต่อให้เพื่อนอีก 5 คน
มันคือ บล็อกลูกโซ่ หรือการแปะโป้งกันดีๆ นี่เอง
ผู้เริ่มคนแรกคือ Jeff Pulver
เขาเรียกมันว่า Blog-Tag: A Game for a Virtual Cocktail Party
ตอนนี้มันขยายวงมาให้บล็อกเกอร์เมืองไทยได้ร่วมค็อกเทลปาร์ตี้เสมือนจริงนี่กันแล้ว"

อ้างอิง จากบล็อกต้น (ที่มันขโมยเขามาอีกทีหนึ่ง - รู้สึกจะเหมือนในบล็อกคุณขามด้วยนะ^^)

"คุณ T ส่งBlog tag มาให้
ให้เขียนเรื่องที่คนไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับเรา5เรื่องยากจังเลยนะเนี่ย
ปกติเป็นคนชอบพูด ชอบเล่า อยู่แล้ว เรื่องราวชีวิตอยู่แล้ว คนใกล้ตัวส่วนมากก็รู้อยู่แล้วล่ะ
เอาแบบที่คนรู้น้อยละกันเนอะ อายนะเนี่ย อิอิ"


อ้างอิง จากบล็อกน้องอุ๋ย

ซึ่งผมก็โดนสองคนข้างบนนั้นแหละครับ มา tag ซะ
ไม่รู้จะเขียนเรื่องอะไรเลย ถ้าเขียนไม่จบในวันเดียวก็ขอโทษไว้ล่วงหน้านะครับ
เริ่มเลยดีกว่า...

๑. อืม ผมว่าผมบ้าการ์ตูนพอสมควรนะครับ

สมัยเด็กๆ เคยแอบอ่านการ์ตูนในที่มืดด้วยครับ
แม่ไม่ให้อ่าน ผมก็เลยแอบถือการ์ตูนไปอ่านในห้องเก็บของตอนพลบค่ำ
มารู้ตอนโตแล้วว่ามันจะทำให้สายตาเสีย เพราะต้องเพ่งมากขึ้น
อาจเพราะที่บ้านมีการ์ตูนให้อ่านมาตั้งแต่สมัยยังเป็นโดราเอม่อน
ของสนพ.ยอดธิดา มีการ์ตูนจำพวกรวมเล่มเป็นตอนๆ ในเล่มเดียวกันอย่างเรื่อง
ฮาโตริ คิวทาโร่ ปาร์แมน ผีน้อยไคบุซึ อิ๊กคิวซัง โดราเอม่อน อาซาริ อาราเล่
ยอดนักประดิษฐ์จิ๋ว และก็งานเขียนของฟูจิโกะ ฟูจิโอะทั้งหลาย
น่าจะเป็นพี่ชายของผม ซื้อมาไว้ในบ้าน วางไว้ตามมุมต่างๆ
ผมก็หยิบมาอ่านเสมอ
(บางเล่มยังเก็บไว้ได้จนวันนี้เลยครับ)

ผมเองมีการ์ตูนบางเรื่องที่เคยอ่านสมัยนั้น แล้วยังไม่จบ เพราะส่วนใหญ่
อย่างที่บอกว่าตัดมาลงเป็นตอนๆ โตขึ้นมาก็เลยชอบที่จะไปหาซื้อมาอ่าน
ถ้าหากว่าโอกาสพบเรื่องเหล่านั้น มีทั้ง เจ้าชายอภินิหาร
(เห็นวิบูลย์กิจนำมาพิมพ์ใหม่แล้ว) หรือการ์ตูนอุลตร้าแมน ไอ้มดแดงทั้งหลาย
เมื่อกลางปีที่ผ่านมาก็เพิ่งไปซื้อการ์ตูนตำรวจกาลเวลา และหุ่นอลเวงของ
ฟูจิโกะ ฟูจิโอะมาอ่านเหมือนกัน สนุกสนานดีที่เดียว

นอกจากการ์ตูนญี่ปุ่นที่กล่าวมาเล็กน้อยข้างต้นแล้ว
ผมก็โตมากับการ์ตูนไทยๆ อย่างขายหัวเราะ เบบี้ และหนูจ๋าด้วย
อ่านตั้งแต่สมัยยังเล่มใหญ่เล่มละ ๕ บาทถึง ๗ บาท ชอบมุขส่วนใหญ่
ของต้อม กับต่าย ชอบสมัยคุณวัฒนา (ตาโต, อาวัฒน์) เขียนการ์ตูนมุขเด็กๆ
ลงในเบบี้ แถมยังชอบอ่านคอลัมน์เชื่อหรือไม่? ที่ลงในเบบี้ด้วย

สมัยเด็กๆ นั้น ผมไม่ค่อยได้เล่นเกมส์เครื่องแฟมิคอมแบบเพื่อนๆ รุ่นเดียวกัน
อยากเล่นเหมือนกันนะครับ แต่ที่บ้านไม่มีก็เลยมีเรื่องที่พอจะคุยกับเพื่อนๆ ได้ด้วย
เรื่องการ์ตูนเนี่ยแหละครับ การ์ตูนบางเรื่องผมอ่านก่อนที่เพื่อนๆ คนอื่นจะสนใจ
อย่างทัช (TOUCH) มีสมัยหนึ่งนำมาฉายทางช่องห้า ผมเถียงกับเพื่อนๆ ทุกคนว่า
พระเอกของเรื่องคือ ทัชซึยะ ไม่ใช่คัทซึยะ แต่เพื่อนๆ ไม่มีใครเชื่อเลย
เพราะตอนต้นเรื่องนั้น คัทซึยะเก่งกว่าทุกอย่าง หน้าตาก็ดีกว่านิดๆ
ไม่มีใครเชื่อผมว่าต่อมาคัชซึยะจะตาย และทัชจะกลายมาเป็นพระเอก

สิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจในวัยเด็กอีกประการเกี่ยวกับการ์ตูน คือ
ขนมโดเรม่อน (ใครเคยกินบ้างเนี่ย?) ที่มักจะมีกิจกรรมให้เด็กๆ สะสม
สติ๊กเกอร์เพื่อแปะลงสมุดภาพให้ครบแล้วนำไปแลกของเล่น ของรางวัลน่ะครับ
มีอยู่สองปี (สองกิจกรรม) ที่ผมชอบมาก คือ การสะสมรูปการ์ตูนหุ่นยนต์
และสะสมรูปการ์ตูนหลายๆ เรื่องในเล่มเดียวกัน ผมชอบเล่มหลังนี้มาก
เพราะตอนใกล้หมดเวลาน่ะ เพื่อนคนที่สะสมนำไปแลกไม่ทัน
ผมจึงขอเล่มนี้มาเก็บไว้ดูเอง มันสวยมากเลยครับ ได้รู้จักการ์ตูนอีกหลายเรื่องด้วย
(อืม ไอ้ขนมโดเรม่อนที่ว่าน่ะครับ ผมไม่เคยซื้อกินเองเลย
สมัยเด็กๆ ไม่มีตังค์เหลือขนาดนั้น แต่จะได้กินทุกบ่อย ค่าที่เพื่อนคนที่มีเงิน
มันไม่สนใจขนมเลย ซื้อมาเพื่อสติ๊กเกอร์เท่านั้น - ซึ่งที่จริงก็ไม่ควรสนใจขนม
เพราะมันไม่อร่อยเลยน่ะครับ ^^)

เขียนไปเขียนมาชักยาว....
(พี่จ๋อยกับคุณขามก็มารอคอยซะงั้น^^)

นอกจากนี้ยังมีเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้ผมเสพการ์ตูนมากขึ้น
ประมาณสมัยป.ห้ากระมัง (ไม่แน่ใจ) ลูกพี่ลูกน้องที่อยู่กรุงเทพฯ
จะต้องย้ายไปอยู่ต่างประเทศ ทำให้พวกพี่ๆ เขาพยายาม
กระจายของที่มีถึงใครต่อใคร ใจจริงๆ ผมอยากได้ของเล่นของพี่ๆ
มากกว่า จำพวกหุ่นยนต์ประกอบร่างต่างๆ
แต่ว่าสิ่งที่พี่เข้านำมาให้คือ ลังการ์ตูนสองลังใหญ่ๆ
เป็นการ์ตูนจำพวกรายสัปดาห์และรายเดือนที่ออกในช่วงเวลานั้น
ที่จำหัวหนังสือได้ก็จะมี weekly zero nova mounthy พวกนี้อ่ะครับ
ที่ทำให้ขอบเขตของโลกการ์ตูนของผมขยายออกไป
ได้รู้จักกับ ล่าอูสรกาย บารอน ข้าชื่อโคทาโร่ ก้าวแรกสู่สังเวียน
ดราก้อนบอล โจโจล่าข้ามศตวรรษ กายเวอร์ ไยบะ พริกขี้หนูสีรุ้ง
มาเอดะ สปรีแกน จิมมี่หมัดเหล็ก คุจากุ มาโอเทพฤทธิ์พิชิตมาร
และจำไม่ได้แล้วอีกหลายๆ เรื่อง

พอเริ่มอ่านการ์ตูนมากๆ เข้า ผมก็เริ่มลอกลายเส้นการ์ตูน
ที่ชื่นชอบ เขียนตาม วาดตาม วาดจนกระทั่งมีเส้นของตัวเอง
สมัย ม.ต้น เคยวาดการ์ตูนไปให้เพื่อนๆ อ่าน ขนาดที่ทำเป็นเล่ม
เหมือนพวกรายสัปดาห์ แต่ทั้งเล่มน่ะ ผมวาดอยู่คนเดียว
สมัยนั้นคิดพล็อตการ์ตูนจากการนำเรื่องนั้นมาผสมเรื่องนี้ปนกันไปหมด
(ไม่แน่ใจว่ายังเก็บไว้หรือเปล่า)

สมัยเรียนมหาวิทยาลัยก็ยังเคยไปทำงานในร้านหนังสือเช่า
นั่งอ่านการ์ตูนของที่ร้านไปซะทุกแนวเลย การ์ตูนตาหวานก็อ่าน
การ์ตูนโป๊ก็เคยผ่านตา การ์ตูนยาโออิก็เคยเปิดดู ยิ่งเวลาอยู่ร้าน
ใครมาบอกว่าเรื่องไหนสนุก มีโอกาสก็จะอ่านทุกที
การ์ตูนบางเรื่องช่วยสอนบางเรื่อง บางคติกับชีวิตด้วยซ้ำไป

ทุกวันนี้ผมก็ยังอ่านการ์ตูนอยู่สม่ำเสมอ
แม้ไม่ได้อ่านมากเหมือนสมัยเรียนป.ตรี
แต่ถ้ามีโอกาสผมก็จะไปเช่นหนังสือการ์ตูนในร้านอ่านตรงนั้นเลย
จ่ายเงินแล้วก็ขอนั่งอ่าน บางวันเช่นนั้นหมดไปหลายตังค์เหมือนกันเชียว
ผมไม่ค่อยเห็นด้วยกับคำพูดของผู้ใหญ่บางคนที่เขาไม่นิยมการ์ตูน
โดยเฉพาะสมัยนี้การ์ตูนในญี่ปุ่นสำหรับผมแล้ว
บางเรื่องเหมือนวรรณกรรมดีๆ เลยครับ

ผมเป็นแฟนการ์ตูนของ
เท็ตซึกะ โอซามุ (ฮิโนโทริ, แบล็กแจ็ค, สามตาปาฏิหาริย์ ฯลฯ)
อาดาจิ มิตซึรึ (ทัช, ราฟ, นายน์, พริกขี้หนูสีรุ้ง, เอชทู, ช็อตโปรแกรม ฯลฯ)
นาโอกิ อุราซาว่า (มอนสเตอร์, ยาวาระ, เด็กแห่งศตวรรษที่ยี่สิบ, พลูโต)
มาซาฮิโตะ โซดะ (สิงห์นักปั่น, สิงห์ผจญเพลิง, ซึบารุ สู้เพื่อฝัน)
ทากาฮาชิ รูมิโกะ (รันม่า1/2, ลามู, เทพอสูรจิ้งจอกเงิน ฯลฯ)
ฟูจิตะ คาซุฮิโระ (ล่าอสูรกาย, หุ่นเชิดสังหาร ฯลฯ)
อาโอยาม่า โกโซ (ไยบะ, โคนัน, จอมโจรคิดส์ ฯลฯ)
มาโกโตะ อิชิกิ (ผีซ่าส์กับฮานาดะ, วัยกระเต๊าะ ตึ๊งตึงตึ่ง ฯลฯ)
ฯลฯ

แน่นอนไม่พลาดยุคสมัยของฟูจิโกะ ฟูจิโอะ และโทริยาม่า อากิร่าแน่ๆ ครับ
พอแล้วดีกว่า เขียนข้อแรกก็ยาวเหยียดซะแล้ว ^^

(ทุกวันนี้ผมยังตามซื้อฮิโนโทริ ,รถด่วนอวกาศ๙๙๙ ,
เด็กแห่งศตวรรษที่ยี่สิบ และตามล่านักฆ่าแอนดรอย
ร่ำๆ ว่าจะซื้อbeck แต่รอให้จบแล้วรวมเล่มทีเดียวน่ะครับ)

๒. เด็กชายบ้านนอก สิ่งที่เพลิดเพลินที่สุดคือการวิ่งเล่นกับเพื่อนในสนาม
ผมเป็นคนชอบฟุตบอลครับ ^^

ผมเป็นเด็กที่โตไว สมัยอยู่ ป.สองก็สามารถเตะบอลกับเด็กป.สี่ได้แล้ว
มันเริ่มจากผมต้องไปโรงเรียนเช้า ทำให้ไม่มีอะไรทำออกมาเดินเล่นข้างสนาม
พวกรุ่นพี่ที่ไม่มีคู่มักจะชวนเป่ายิงฉุบ
แล้วแบ่งข้างลงเล่นบอลพลาสติกในสนามวอลเล่ย์

สมัยผมอยู่ม.ต้น พี่ชายก็ซื้อรองเท้า ซื้อลูกฟุตบอลหนัง
มาเล่นที่บ้าน แน่นอนครับ ผมไม่ได้เล่นเป็นคนเตะบอล
แต่เล่นเป็นผู้รักษาประตู คอยป้องกันลูกยิงของพี่ชายที่อัดเข้าใส่กำแพง

สมัยประถมฯ ฟุตบอลหนังไม่นิยม เพราะไม่มีสนามที่กว้างพอ
จนเมื่อได้ย้ายมาเรียนโรงเรียนสมัยมัธยมฯ
เพื่อนๆ จากหลากหลายตำบล อำเภอได้มาพบกัน
แม้ว่าช่วงสมัยผมอยู่ม.ต้น กีฬาบาสฯจะมาเบียดบังความนิยมไปบ้าง
แต่สำหรับเด็กผู้ชายแล้ว การวิ่งไล่กวดลูกกลม ๆ
กลางแดดแผดเผามันสนุกดีนะครับ

จำได้ว่ามีครั้งหนึ่ง ณ สนามแอนด์ฝุ่น
พื้นสนามเป็นฝุ่นดินแห้งๆ ที่ฟุ้งกระจายขึ้นทุกครั้งที่เดิน-วิ่ง
เวลาสิบโมง-สิบเอ็ดโมง ถอดเสื้อบ้างใส่เสื้อบ้าง
เพื่อนบางคนวิ่งไล่ฟุตบอลจนตะคริวกิน ก็ยังไม่ยอมออกจากสนาม

สมัยม.ปลาย เลิกเรียนสามโมงกว่าๆ
แต่เกือบทุกวันกว่าจะได้กลับบ้านกันก็เกือบหกโมงเย็น
รองเท้าผุพังเร็วกว่ากำหนดในทุกภาคการศึกษา
เมื่อก่อนผมเคยมาสามารถเริงร่าบนสนามได้
ขนาดกระดกบอลและพลิกตัวกลับหนีกองหลัง
หรือส่งบอลด้วยส้นเท้าโดยไม่หันไปมอง แต่ก็เป็นเพียงอดีตรุ่งเรือง

ตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย ผมก็ใส่แว่นตา แล้วห่างหายไปจาก
การวิ่งไล่ลูกกลมๆ บนสนามหญ้า นานวันเข้าร่างกายก็เพิ่มเนื้อหนัง
และไขมันหนาขึ้น ไม่อยากปะทะเพราะกลัวแว่นพัง
ก็เลยกลายเป็นไม่ได้เล่นไปเลย

ทุกวันนี้แม้ไม่ได้เล่นเอง ผมก็ยังโทรไปเล่น
(เอ๊ย! ตลกเชียว ไม่ได้เล่นพนันนะ)

จริงๆ คือ ถึงไม่ได้เล่นฟุตบอลเองแล้ว ผมก็ยังดูบอลอยู่
แม้ไม่ได้ตามดูถ่ายทอดสดทุกนัด แต่ก็ยังชอบดูรายการ
ประเภทสรุปข่าว และนำไฮไลท์มาให้ชมอยู่
นอกจากนั้นบางวันก็ยังซื้อหนังสือพิมพ์กีฬามาอ่าน
มีคนเคยถามว่าซื้อมาทำไม? เพราะไม่เห็นผมค่อยตามกีฬา
แบบคนที่บ้า (กว่าผม) บอลเขาทำกัน

ที่จริงคนรู้จักผมอาจไม่เรียกสิ่งที่ผมทำว่าบ้าบอลหรอกครับ
เพราะมันดูบางเบาเมื่อเทียบกับคนที่คลั่งไคล้กว่า
(อย่างเพื่อนผมเมื่อวันก่อนยังออกไปเชียร์บอลไทยถึงขอบสนามเชียว)
ก็อย่างที่บอก มันอาจไม่ได้เป็นส่วนสำคัญมากในชีวิตผมหรอกครับ
แต่มันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ชอบ นอกจากหนังสือ เพลง หนัง
และกิจกรรมอื่นๆ ในชีวิต

เล่าเท่านี้แหละ
(เนี่ยเลือกเรื่องที่คนไม่ค่อยคิดว่าเป็นแล้วนะเนี่ย ^^)

๓. ผมเป็นเด็กใฝ่รู้

หรือจะบอกว่า ซน ก็ได้นะครับ
(อืม เรื่องต่อไปนี้อย่าไปเล่าให้คนที่บ้านผมฟังนะ เพราะยังไม่มีใครรู้เลย)
จำได้ว่ามีครั้งหนึ่ง ผมรู้สึกว่าปลั๊กไฟที่บ้านไม่มากพอ
และตอนนั้นเริ่มรู้จักปลั๊กสามตาแล้ว จินตนาการบรรเจิดจึงลงตัว
ผมมองหาสิ่งที่จะนำมาทำเป็นปลั๊กที่ดีกว่าปลั๊กสามตาขึ้นมาได้
แฮ่ม! โรลม้วนผมครับ
จำได้ติดตาเลยว่า เป็นโรลม้วนผมสีฟ้าของแม่
อ้าว ก็มันมีช่องว่างให้สามารถเสียบปลั๊กได้เยอะขนาดนั้น
ถ้าเสียบต่อไฟบ้านแบบปลั๊กสามตา ผมก็จะมีที่เสียบปลั๊กไฟเยอะเชียว
ว่าแล้วก็นำโรลมวลผมมาประกอบเข้ากับกิ๊บติดผม...
ครับ กิ๊บติดผมซี่เล็กๆ สีดำทำจากโลหะ นั่นแหละครับ
เพื่อที่จะใช้เป็นที่เสียบเข้าไปในช่องปลั๊กของไฟบ้าน

ตื่นเต้น ตื่นเต้น ตื่นเต้น

ชั่วขณะที่ผมค่อยๆ เสียบกิ๊บติดผมเข้าไปในเต้าเสียบ
ประกายไฟสว่างแวบลามออกมาเป็นทางยาว
แล้วไฟทั่วบ้านก็ดับวูบ บ้านอยู่ในความมืด
ผมตกใจนอนอยู่ใต้เตียงไม่ได้ขยับไปไหน
จนเมื่อพ่อกับพี่ชายไปต่อฟิวส์แล้ว ไฟสว่าง...

กิ๊บติดผมหลอมละลายไปกว่าครึ่ง
โชคดีที่ผมใช้มือจับบริเวณโรลม้วนผม
ทำให้ไม่ตายไปเสียก่อน
(ไม่รู้ถือเป็นโชคดีไหมเนี่ย)

ปฏิบัติการผลิตปลั๊กสิบกว่าตาจึงเลิกล้มไป...

มีอีกครั้งหนึ่งที่ผมพยายามศึกษากายวิภาคสัตว์
เพราะผมไปเก็บซากจิ้งเหลนมา หมายมั่นว่าจะผ่าออกดูภายใน
แต่อุปกรณ์ขณะนั้นมีเพียง ไม้เสียบลูกชิ้นและไม้เสียบลูกชิ้น
และเพราะปลุกปล้ำอยู่นานไม่ได้ดังใจ จึงเลิกล้มความตั้งใจ
นำไปฝัง แล้วมองหาอย่างอื่นเล่นต่อไป
กิจกรรมวิชาชีววิทยาจึงเลิกไป

พอแล้วดีกว่า ยิ่งเล่ายิ่งอาย...

๔. ผมเคยตกรถสองแถว สไตล์เฉินหลงด้วย ^^

แม้จะไม่ใช่สมัยเด็กๆ แล้ว แต่ว่าผมก็ยังใฝ่รู้อยู่ดี
เรื่องเกิดขึ้นสมัยอยู่ม.ปลายแล้วล่ะครับ
(ไม่เล่ายาวล่ะ ขี้เกียจ....^^)

ผมเล่นกับเพื่อนอยู่ที่ท้ายรถสองแถว
แกล้งลงรถเพื่อหนีมุขตลกฝืดๆ ของเพื่อน
แต่รถกำลังจะออกตัว ผมเลยต้องรีบตะกายขึ้นไปตำแหน่งเดิม
มือเอื้อมคว้าไปจะจับราวด้านบนของท้ายรถ
รถก็กระชากตัวหนีออกไป...

ผมร่วงลงไปช้า (ภาพในหัวผมตอนนั้นน่ะครับ)
จังหวะก่อนที่จะหลุดออกจากตัวรถ
ผมก็คว้าเอาบันไดที่เพื่อนๆ ยืนกันอยู่ตรงท้ายรถได้
แล้วจากนั้นรถสองแถวก็ลากผมเป็นทางยาว
ไปประมาณร้อยถึงสองร้อยเมตร
ผมก้มหน้ามองพื้นถนนที่ไหลผ่านใต้ท้องไปตลอดทาง
ได้ยินเสียงรถคันข้างหลังบีบแตรใส่ และเสียงคนร้องหวีดว้าย

ขาผมส่ายไปมา
โชคดีที่ส่วนที่สัมผัสกับพื้นถนนมีเพียง
รองเท้าเท่านั้น...

หลังรถหยุด สิ่งที่ติดมาคือรองเท้าผ้าใบผมขาด
ผิดจากตำแหน่งของคนอื่นๆ เพราะส่วนใหญ่จะขาดกัน
ตรงนิ้วก้อยเพราะการเตะบอล แต่ของผมน่ะนิ้วโป้งเท้าเลย
กับอีกเรื่องหนึ่งที่ติดมา คือ เอ่อ... โคตรอายเลย

ผมทำได้เพียงยิ้มแหยๆ กับเพื่อนๆ และเด็กรุ่นน้องบนรถ
แล้วหันหลังนั่งลงตรงบันไดท้ายรถนั่นแหละไปจนถึงท่ารถเลย
เฮ้อ....^^

๕. สามปีมาแล้วที่น้ำหนักตัวไม่ได้ต่ำกว่าเลขสามหลักเลย
เฮ้อ...ไม่เล่า !
ไม่ต้องมาเว้าวอน ไม่เล่า
ของอย่างนี้ไม่ต้องเล่า เห็นเองกับตาก็เชื่อ ^^

พอล่ะ เหนื่อยจริงๆ ไอ้ blog tag เนี่ย


ที่จริงอยากเขียนถึงเรื่องพวกนี้ดีๆ ยาวๆ แต่ว่าในเงื่อนไขเท่านี้
ก็เขียนแค่นี้ไปก่อนล่ะกันนะ แค่บางด้านของชีวิตแหละครับ
อยากรู้จักกันต้องเรียนรู้กันไปเรื่อยๆ ครับ ฮ่าๆ ^^

อ่ะ ตามธรรมเนียม ส่งต่อใครต่อใครกันดีกว่าครับ
แฮ่ม!....
๑. คุณพี่ thejOylUckclUbอินeXteen เลยล่ะกันครับ
๒. คุณ พี่บีม อ่ะ...ไม่เห็นเขียนไรเลย มาเขียนซะดีๆ
๓. คุณ พี่บอล เอ่อ...ผมรู้ว่าพี่มีเรื่องเล่าเยอะ
๔. คุณ ไอ้โต รู้ว่าเมิงไม่ค่อยได้เข้าเน็ต (หาทางทำหมันบล็อกแท็กซะงั้น)
๕. คุณ มิ้ม (นี่ก็รู้ว่า ไม่ตอบ ทำหมันบล็อกแท็กอีกหนึ่ง ฮ่าๆ)

โอ๊ย... เสร็จสิ้นภารกิจเสียที
ขอบพระคุณที่ติดตามชม ตามอ่านครับ
แล้วพบกัน




^_^

15 Comments:

At 12:04 PM, Anonymous Anonymous said...

ไอ่อ้วน--

แอบใช้คอมออฟฟิศอีกแล้วอ่ะดิ เขียนก็ไม่จบ
ชริ!!!

 
At 12:02 AM, Anonymous Anonymous said...

เข้ามาครั้งนึงแล้วแต่โพสต์ไม่ได้ - -'

เอ่อ... มาเขียนให้จบสิครับ ^^

 
At 12:00 PM, Anonymous Anonymous said...

อะฟึ่ย อะฟึ่ย เขามาฮาอย่างเดียวเลย
ขำว่ะขำ วีรกรรม...

อ้อ เห็นด้วยนะ บางอย่างที่เล่ามาเอาไปขยายเล่าต่ออีกได้หลายตอนเลย

เขียนอีกดิ หนุกอ่ะหนุก :)

 
At 3:12 PM, Blogger eek said...

ตอนแรกนึกว่าจะอ่านไม่จบในวันเดียว ยาวซะ
แต่ก็ติดเหมือนติดการ์ตูนที่วางไม่ลง อ่านจบแล้ว
แต่.........
ข้อ 5 ไปเขียนมาใหม่เลย
ข้อเนี้ย อะรู้แล้ว รู้มานานแล้วด้วย
ใครๆ ก็รู้เรื่องน้ำหนักของยีน

ปล.เรื่องที่อยากรู้และไม่มีใครรู้คือ ...
เรื่องเบบี้ของยีนอะ

ใครอยากรู้ยกมือขึ้น ขอเสียงโหวตหน่อย

 
At 5:21 PM, Anonymous Anonymous said...

555+


ตลกพี่ยีน


ไม่ได้อ่านสำนวนพี่ตั้งนานแล้วนะเนี่ย


อ่านการ์ตูนเยอะมากๆ



เบนอ่านได้ราวๆ 70 เปอร์เซ็นต์ที่พี่ว่ามา


แหะ แหะ


สบายดีนะพี่


สวัสดีปีใหม่ 555+


ขำจริงๆ

 
At 4:33 AM, Anonymous Anonymous said...

ยีน

ทำไมยีนต้องคิดว่าเราไม่ตอบ blog tag ของยีนด้วย
พลาดไปซะแล้ว เพราะเราจะตอบ เหอ เหอ เหอ

ก่อนอื่นบอกก่อนว่า ที่ไม่เจอกันในโลกเสมือนเลยนั้น ก็เพราะเราไม่ค่อยได้เล่นเนตจ๊ะ ตอนนี้มีอะไรน่าสนกว่าเล่นเนต เช่น ลดพุง เราก็เลยไปทำอยู่ ฮ่าๆ

แต่ก็นึกถึงยีนเหมือนกันนะจ๊ะ

เอาละ ห้าข้อใช่ไหม บล๊อกแทค

1.เราจะไม่กินอาหารกับอุปกรณ์ที่ไม่เข้ากัน

อธิบายได้ว่า เราจะไม่กินข้าวต้ม หรือแกงจืดกับช้อนเสตนเลส ไม่กินก๋วยเตี๋ยวกับช้อนส้อม ไม่กินเบียร์กับแก้วกาแฟ ไม่กินกาแฟกับแก้วน้ำธรรมดา ไม่กินไวน์กับแก้วว้อดก้า

เราจะกินอาหารฝรั่งกับมีดส้อมเท่านั้น แม้ในจานนั้นจะมีข้าวผัดเนย เราก็จะพยายามกินมันกับส้อมให้ได้ ซึ่งยากมาก แต่คนเรื่องมากอย่างเราก็ต้องทำให้ได้

2.เราจะกินอาหารที่เป็นชุดเดียวกัน

อธิบายได้ว่า เราจะกิน "อาหารอีสาน" แปลว่าเราจะไม่กินกับข้าวสวย แต่จะกินข้าวเหนียว และจะเซ็งมาก เวลาใครสั่งไข่เจียวหรือกับข้าวสวยมากินกับเซทลาบ น้ำตก ตับหวาน ส้มตำ และไก่ย่างของเรา (แต่ก็กินต่อได้นะ ของอร่อย ไม่กินได้ไง)

หรือถ้าเราจะกินอาหารไทย เราก็จะกินขนมไทยเป็นการตบท้าย เพราะเราคิดว่าลิ้นของเราคงงงที่มันต้องกินขนมเค้กภายหลังกินผัดกระเพรา สู้กินบัวลอยเผือก หรือลิ้นจี่ลอยแก้วก็ไม่ได้

3.เราไม่กินขนมหวานกับเครื่องดิ่มหวาน ไม่กินไอติมกับเครื่องดื่มอื่นนอกจากน้ำเปล่า

อธิบายได้ว่า เราจะไม่กินอะไรหวานซ้ำซาก เพราะกินหนมเค้กไปแล้ว ทำไมจะต้องกินน้ำแตงโมปั่นเข้าไปอีก หวานซ้ำซาก สู้กินกับชาร้อนก็ไม่ได้ หรือถ้าไม่มีชาร้อนหรือเครื่องดื่มจืดให้กิน เราขอกินน้ำเปล่าดีกว่า

ส่วนเรื่องไอติม..เรารู้สึกว่า การกินเครื่องดื่มร้อนกับไอติม ทำให้ไอติมที่เรากินไปไปละลายในท้องไวกว่ากำหนด ส่วนการกินไอติมกับน้ำอัดลมเป็นอะไรที่ลมขึ้นมากสำหรับเรา น่ากลั๊ว น่ากลัว

4.เรากินโยเกิร์ตกับช้อนพลาสติกเท่านั้น

เรื่องก็มีอยู่ว่า โยเกิร์ตที่ฝรั่งเศสนี่มันจะไม่มีช้อนให้เหมือนที่เมืองไทย
พอเรากินโยเกิร์ตกับช้อนธรรมดา (สเตนเลส) เราพบว่าเรากินเหล็กเข้าไปด้วย มันเย็นๆ แปลกๆ กลัวๆ

เราเลยแก้ปัญหาด้วยการไม่ซื้อมากิน แล้วก็เอาช้อนพลาสติกที่ดัชชี่แจกมาให้ตอนเราซื้อโยเกิร์ตเค้ากลับมาฝรั่งเศสด้วย

ตอนนี้เราก็เลยมีช้อนพลาสติกไว้กินโยเกิร์ตแล้ว อร่อยขึ้นเป็นกอง

5.เราจะต้องมีของชนิดเดียวกัน แต่คนละสีกลิ่นรสไว้เลือกเสมอ

ไม่รู้เหมือนกัน แต่เรารู้สึกว่า การเปลี่ยนแปลงและการตัดสินใจเป็นเรื่องสนุก

ในห้องน้ำของเราก็เลยมีครีมอาบน้ำสี่กลิ่น เอาไว้เลือกตามอารมณ์ กลิ่นวานิลลา ไว้ตอนที่เราอยากจะหอมนุ่มนวล กลิ่นลาเวนเดอร์ตอนที่เรารู้สึกเหนือย กลิ่นใบส้มตอนที่เรารู้สึกพิเศษ กลิ่นเชอรร์ตอนที่เรารู้สึกดี (เพราะเราไม่ชอบมันเท่าไหร่ กลิ่นเชอรี่นี่ แต่ต้องกำจัดมันออกไปให้ได้ เราเลยต้องใช้มันตอนเราอารมณ์ดีๆ)

ในกล่องดินสอของเราก็ต้องมีปากกา hi-light สี่ห้าสี เอาไว้สลับสีกันตอนขีด ไม่งั้นเราจะเบื่อ

แก้วเราก็มีสองชุด แก้วก้านเอาไว้ทำหรู กับแก้วธรรมดาเอาไว้ตอนอยากธรรมดา

จานก็มีสองชุด แบบสีๆเอาไว้ทำสีสัน กับแบบขาวๆ เอาไว้ทำคลาสสิค

จบละห้าข้อ สนุกไหมเอ่ย

หวังว่ายีนคงมีฟามสุขดี แล้วจะแวะมาก่อกวนเรื่อยๆจ๊ะ

 
At 9:14 AM, Anonymous Anonymous said...

อ่านข้อที่เกือบโดนไฟดูด กับฉากเฉินหลงวิ่งสู้ฟัดของคุณยีน แล้วตกใจครับ
-_-"

ผมก็ชอบอ่านการ์ตูน อ่านมาตั้งแต่เด็ก แต่ยิ่งโต ก็ไม่ค่อยได้อ่าน
ได้กลับมาอ่านการ์ตูนดีๆ หลายเรื่องก็จากบล็อกนี้ล่ะครับ ^^

 
At 6:06 PM, Anonymous Anonymous said...

มีคนส่งไปให้เราสามแทกแหละ
ของยีนกับต้องเราตอบเหมือนกัน
แต่ของเพือนอีกคนตอบไม่เหมือน..
อยากอ่านก้ไปอ่านได้ ที่ http://sweet-nefertari.blogspot.com/

 
At 12:45 AM, Blogger AUY ^ ^ said...

ยาวมากมายเลยพี่ยีน
รู้จักกันขึ้นอีกเยอะเลย

อิอิ

 
At 4:12 PM, Anonymous Anonymous said...

ตอนแรกแอบน้อยใจและจะมาประท้วงที่ไม่โดนแท็กกะเขาบ้าง (T_T) แต่นึกขึ้นได้ทีหลังว่าเป็นเราเองที่หายหน้าหายตา (และหายหัว)ไปนาน...

มันนานจริงๆ ด้วยแหละ

เพราะนึกขึ้นมาได้ว่าแทบจะไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้างเลยในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา

พอๆ กับบล๊อกของตัวเองที่รกร้างว่างเปล่าข้ามปี

ตอนนี้ก็เลยไม่มีอะไรจะพูด นอกจากคำสั้นๆ แต่น้ำเน่าว่า "คิดถึง" The Gang ทุกคนนะ

หวังว่าคงสบายดี

บุญรักษาเน้อ...

 
At 6:54 PM, Anonymous Anonymous said...

ยีน-ยีน-ยีน!!!

ไหงแจคพอตของพี่มันไม่เป็นลอตเตอรี่หรือรางวัลเลขท้ายละเนี่ย?

หลอกเราอ่านซะเพลินลืมงานลืมการ แล้วมาหลอกแทค!
เอาเหอะ แทด ก็ แทค...
(ทำบ่นไปงั้นๆ แหล่ะ แต่ก็แอบดีใจที่คนเค้าไม่ลืมเราง่ะ ฮี่ๆๆ)

แฮ่ม..ม - กระแอมของจริงเพราะเพิ่งสร่างหวัดจ้ะ ^^

แอบเห็นยีนเล่าจากอดีตมาปัจจุบัน พี่มันแก่แล้ว ขอเล่าจากอดีตใกล้ๆ ไปหาอดีตไกลๆ ละกันนะ...

*ข้อ 1 จ้ะ
อายุ 30 เนี่ย ไม่ได้ทำให้รู้สึกอะไรมากนักหรอก เพราะครอบครัวหรือคนรอบข้างก็ไม่ได้กดดันอะไร
อ่านเจอว่าชีวิตบางคนเริ่มต้นที่อายุประมาณนี้แหล่ะ ก็อยากจะบอกว่า จริงนะ สำหรับตัวพี่เอง ได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำหลายอย่าง ได้รู้จัก-รู้สึกกับอะไรอีกหลายๆ อย่าง....

เป็นปีที่ได้สนิทกับเดอะ แกงค์ที่สุด เห็นปีที่ได้เที่ยวกับเพื่อนรักได้ไกลที่สุด เป็นปีที่มีความรักแล้วก็อกหักเยอะที่สุด (บ้า..อย่่าคิดมาก ไม่เยอะขนาดนั้นหรอก!) เป็นปีที่ทำงานได้เงินเยอะที่สุด เป็นปีที่ได้เริ่มต้นมีทรัพย์สินมูลค่าสูงสุดในชีวิต เป็นปีที่ทำบุญได้บ่อยที่สุด เป็นปีที่อยู่กับตัวเองได้มากที่สุด....แล้วก็เป็นปีที่สุขภาพเริ่มเสื่อมที่สุด...อันนี้แหล่ะ เพิ่งรู้รสจริงๆ นะ สารภาพว่าเมื่อก่อนไม่เคยสนไข้หวัดเลย ไข้หวัดไม่สามารถทำอะไรเราได้ แต่ก็อย่างว่า ใดใดในโลกล้วนอนิจจังน่ะนะ...เป็นหวัดคราวนี้ทั้งไข้ขึ้นจนวันหลังๆ เส้นเลือดฝอยในตาก็แตก มีรอยซึมจุดๆ เล็กๆ กระจายใต้ตาเหมือนคนแก่เลย แถมยังไอซะจนปวดกล้ามเนื้อท้อง ประหนึ่งซิทอัพมา 100 ที......เหนื่อย..ย มาก...กก

ต้องหันมาดูแลตัวเองแล้วก็คนรอบข้างให้ดีขึ้นซะแล้ว มากหรือน้อยก็อาจจะไม่เท่าไหร่ แต่เราทำสิ่งดีๆ ให้กันมันก็ดีแล้ว...ว่ามั้ย?

ปล. ขอขยักเป็นวันละข้อได้มะ...เอาเป็นว่าได้เนอะ ไชโย๊!


แล้วเจอกะข้อ 2 ตอนต่อไปจ้า ^^

m a e b*

 
At 6:20 PM, Anonymous Anonymous said...

อ่า...

สองศรีพี่น้องบีม-บูมเข้ามาตอบบล็อกพร้อมกันราวกับนัดหมาย

ชะรอยว่าต้องมีเรื่องดีดีบังเกิดขึ้นเสียแล้วในเพลาอันใกล้

ว้าก...ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ

คิดถึงทั้งสองคนอยู่นะจ๊า
โอกาสดีคงได้เจอกันบ้าง

บีมหายป่วยเร็วเร็วนะ
ส่วนบูมก็...ดูแลตัวเองอย่าให้เป็นหวัดตามพี่บีมไปล่ะ^^

ป.ล.1 เดอะแก๊งนั่นตกลงใช้เป็นชื่อกลุ่มพันธมิตรหมีเลยใช่มั้ยอ่ะบีม

ป.ล.2 รออ่านข้อต่อต่อไปของบีมอยู่จ้า...

 
At 9:46 PM, Anonymous Anonymous said...

my joy!

วันที่ได้ sms ของจ๋อย เราก็ไม่ได้ตอยเล้ยยย
เพราะโทรศัพท์โดนตัดนะซิ 55

ขอบคุณนะจ๊ะ ดีกว่ายามอจริงๆ นะ ยาจ๋อยบอกเนี่ย ^^

อ้อ...มิ้นท์ฝากบอกว่าแอบเห็นคนเดินจูงมือกันข้ามถนน 2 คน...หน้าคุ้นๆ ฮี่ๆๆๆ

ไปอ่านตอนสองในบลอกเราละกันนะ...จุ๊บๆ

m a e b*

 
At 2:09 AM, Anonymous Anonymous said...

ผมว่าพี่ยีนคงต้องเคยอ่าน A Wonder Boy แล้วแน่ ๆ เป็นการ์ตูนที่เจ๋งมากเลยครับ เพิ่งได้อ่านไป ชอบตอน "โซเครติส" , ตอนที่พนักงานเงินเดือนถูกไล้ออก แล้วก็ตอน "ลูกแก้วเจ็ดสี" ที่สุด

(คุยแบบเหมาว่าเคยอ่านกันมาแล้ว)
ข้อ 3 กับ 4 นี้ฮามาก เมื่อก่อนผมก็อยากรู้อยากเห็นเหมือนกันครับ เคยอ่านการ์ตูนเสริมความรู้ (ปกแข็ง ๆ) แล้วเจอแผนผังรังมดในนั้นแล้วอยากเห็นของจริง เลยพาเด็กข้างบ้าน เอาน้ำกับที่ตักทราบของเล่นไปขุดรังมดกันใหญ่ บอกว่าถ้ายังไม่เห็นราชินีมดจะไม่เลิดขุดสุดท้ายแล้วกลับบ้านไปตีนขึ้นตุ่มกันระนาว ปลงโลกไม่เจอราชินีสีกแอะ ไปนั่งรอดูรังมดที่เค้าฉายในรายการสารคดีสัตว์โลกดีกว่า

 
At 10:57 PM, Blogger ไอ้หนวดยีน said...

พี่จ๋อย...
'ไรอ่ะ
ก็คอมพ์ที่ห้องไม่ค่อยดีนี่หน่า

คุณขาม...
อืม เข้ามาแล้วโพสต์ไม่ได้
บางทีผมก็เป็นครับ ขนาดจะโพสต์
ในบล็อกตัวเองนะเนี่ย ^^

พี่จ๋อย...
อะฟึ่ย อะไรน่ะ
ผมออกจะเรียบร้อย

ที่จริงมีเรื่องที่คิดจะเล่าอีกเยอะเลย
อาทิ ตอนเด็กๆ มีชื่อที่โดนเรียกว่า ต๊ะชิ ประสบการณ์สารคดีซิงเกอร์เวิลด์ ฯลฯ แต่เหนื่อยเสียก่อน ลุงมันแก่แล้วน่ะหลาน ^^ไว้ค่อยๆ เขียนแยกเป็นเรื่องๆ ไปดีกว่า

อิ๊ก...
อืม นี่เราตัดแล้วนะ ที่จริงอยากเขียนให้มันยาวๆ แต่เหนื่อยซะก่อน ส่วนข้อห้าน่ะ ไปเขียนเรื่องของตัวเเองมาก่อนสิ(ว่ะ) ^^

เบน...
มาตลกไรน้อง? เดี๊ยะ!!
อืม มีเรื่องการ์ตูนที่อยากเขียนถึงเยอะเลยอ่ะ
บางเรื่องก็นึกชื่อไม่ออกแล้ว ส่วนเบนก็อ่านเยอะ
เราเชื่อเพราะมายืมที่ร้านพี่ฮัวประจำเลยสมัยนั้นอ่ะ^^
(อ่อ สบายดีจ้า)

คุณมิ้มที่มาตอบซะได้...

ก็ไม่นึกว่าจะเข้ามาอ่านแล้วนิ
ว่าแต่ไปลดพุงอ่ะ ได้ผลจริงอ่ะ? ^^

เอ่อ รู้สึกจะเขียนแต่เรื่องกินนี่หน่า (ลดพุงจริงอ่ะ?^^)
ท่าทางจะพิถีพิถันยิ่ง นึกภาพมิ้มเป็นคุณนายละเอียดเลย (ฮ่าๆ)- สนุกดี เขียนสนุกดีเหมือนเดิม

คุณขาม...
ฮ่าๆ ตอนนี้มานึกย้อนก็คิดเหมือนกันว่า มันน่าตกใจ
รอดมาได้นี่บุญจริงๆครับ ^^

อืม ผมก็ยังอ่านตามวาระโอกาสไปเรื่อยๆ น่ะครับ
ส่วนเพลงน่ะผมก็ไปเพิ่งพาสภาวะจิตที่บล็อกคุณขามตลอดนั่นแหละครับ ยังพักพิงได้สม่ำเสมอจริงๆ
อืม ว่าแต่กีฏจารย์นั่นน่าสนใจมากทีเดียวครับ ฮ่าๆ

มิ้มเหวย...
ไปอ่านมาแล้ว
อืม เป็นคนอย่างนี้นี่เอง ^^
สนุกดี (ว่างๆ มาเขียนอีกสิ)

น้องอุ๋ย...
นั่นสิ น้องก็เขียนบล็อกตัวเองเกือบทุกวันเลย
เข้าไปตอบไม่ทันสักที ฝากสวัสดีน้องหมีตัวใหญ่นั่นด้วยนะ ^^

บูมเหวย...
มาแอบน้อยใจไร ^^ เดี๊ยะ!
อยากเจอกันเหมือนกันเนอะ
อาทิตย์ที่แล้วไปร้านนก เจอทั้งพี่บอล พี่เขียน
พี่จ๋อย สนุกดี คิดถึงพี่บีม กับบูมเลยแหละ
โทรไปชวน แต่เห็นว่าไปเป็นหัวหน้าคนงานแถวบางบัวทองน่ะ ก็เลยไม่กวนซะงั้น (ฮ่าๆ)
บุญรักษาเช่นกัน แพนด้า

พี่บีม...
ฮ่าๆ พูดถึงก็มาเลย
โดนแทกแล้วก็มาตอบดีมาก ^^
ปีนี้และปีต่อไป ก้ยังมีเรื่องดีๆ ให้ทำและจดจำอีกครับ
แถมยังต้องรักษาเนื้อรักษาตัวหน่อยนะพี่
ไม่เกี่ยวกับอายุหรอกครับ แต่คิดว่าไม่เป็นไรเท่านั้นเอง
โรคภัย-มันก็มาเยี่ยมเราบ่อยขึ้นเลย ^^
ป.ล.
เอ่อ...
ว่าแต่เอ่อ...ข้ออื่นๆ ล่ะ

พี่จ๋อย...
'ไรเนี่ย มาไงเนี่ย ^^

ป.ล.
ใครกลุ่มพันธมิตรหมี ชริ!!!

พี่บีม...
ไหนอ่ะครับ
ตอนสองอ่ะ รอนะเนี่ย ^^

ต้น...
เฮ้ย คุยไม่รอเลย
จำไม่ได้อ่ะ a wonder boy มีชื่อไทยไหมอ่ะ
สนพ.อะไรเหรอ เท่าที่คุยมานี่ยังนึกไม่ออกเลย
เผื่อจะได้ไปหามาอ่านบ้าง (เข้าไปอ่านเรื่องแว่วเสียงเรไร? แล้ว ยังไม่มีโอกาสไปหาหนังสืออ่านเลย - มีหนังสือใช่ไหม ในบล็อกมันเป็นภาพจากแอนนิเมชั่นอ่ะ) อืม ขุดรังมดเนี่ยไม่เคยอ่ะ เคยแต่เอาพลาสติกพันไม้แล้วจุดไฟไปหยดใส่รังมดอ่ะ (น่าน ตรูบาปจริงๆ) แล้วมาเล่าทำไมเนี่ย (หลงกลไอ้ต้นซะแล้ว) ไปดีกว่า ^^

ขอบคุณทุกคนที่แวะมาอ่าน
และตอบสนทนาพูดคุยครับ ^^

 

Post a Comment

<< Home