อย่าให้ความเคยชินกลืนกิน,วิญญาณเธอ
(๑)
สี่ – ห้า ก่อนในมหาวิทยาลัย,เราได้รู้จักกัน
ผ่านคืนวันเหมือนกระพริบตาครั้งเดียว
ความทรงจำผุดโผล่กลับมาอีก
บางทีเธอช่วยฉัน บางครั้งได้ตอบแทนเธอ
เด็กสาวรุ่นน้องคนนั้น …
… กลายเป็น”เพื่อน”คนหนึ่ง
ทองกราวบานแล้วโรยรา
เวลาขยับเดิน – เราจากกัน
(๒)
นึกถึงเรื่องราวมากมายระหว่างเดินทาง
รอนแรมในโลกแปลกหน้าอย่างเดียวดาย
…
ห้องแถวชั้นเดียวหลังนั้น
ฉันอาศัยนอนในวันแรมร้าง
และในบางคืนที่เธอต้องการเกราะ ,
ปกป้องเธอจากหนามอ่อนของมิตรภาพ
…
รถโดยสารกลับบ้าน ขบวนนั้นที่เรานั่งชิดกัน
ห้าชั่วโมงก่อนถึงบ้าน
สำหรับฉัน ไม่เนิ่นนานอย่างเคย
…
ถนนหลายสายในเมืองอันเคยคุ้น
เธอซ้อน – ฉันขับ ทะยานสู่ทุกร้านหนังสือเก่า
ที่กระเป๋า เรามีแรงพอ
ขณะเดินทางเคี่ยวกรำตัวเอง
กลับยิ่งคิดถึงเธอ ,เด็กสาวรุ่นน้องคนนั้น
(๓)
ทองกราวบานแล้วโรยรา
จากกันวันนั้น
เธอมุ่งหน้าสู่เมือง - -
ห่างอีกชั่วการบานและโรยรา
ด้วยปรารถนา
ฉันก็มุ่งหน้าสู่เมือง – เพื่อพบเธอ
(๔)
เมืองหลวงโหดร้ายเสมอสำหรับฉัน
กับการพบเจอชายไร้บ้านนอนบนทางเท้า
ในโมงยามใหม่ของวัน…
ซึ่งอีกสามชั่วโมง เด็ก - หนุ่มสาวมากมาย
จะกรีดกรายผ่านสถานที่เดียวกัน
ของสยามสแควร์
อย่างเป็นปกติ และคุ้นชิน
หรือ ,
ชายเก็บกระดาษขายกับสามล้อแดง
เขาวิ่งไล่คว้ากระดาษที่กระจายทั่วท้องถนน
ขณะรถยนต์ทุกคัน กระชากกระดาษลอยคว้างขึ้นมาอีก
ลับหายไป ข้างหน้า คันแล้ว คันเล่า
เมืองหลวง , กว้างใหญ่เกินไป
แปลกใหม่เกินไป จนไม่อาจเคยชิน
บนรถเมล์…
ฉันลุกให้เด็กสาวแปลกหน้านั่ง
เด็กคนนั้น - - ตกใจ !! มองฉันอย่างไม่เชื่อสายตา
…ฉันก็ไม่เชื่อสายตาเช่นเดียวกัน
(๕)
เราพบกันอีกครั้ง ,ในเมืองหลวง
“เพื่อน” รุ่นน้องคนนั้น
เธอบ่นถึง ชีวิต หน้าที่ และการงาน
ฉันบ่นถึงความแปลกแยกกับเมืองหลวง
ถ้อยคำเป็นน้ำหล่อเลี้ยงความแห้งแล้งของชีวิต
ดีใจ – ยังเห็นเธอมีพลัง มีประกายในดวงตา
เหมือนเช่นเคยเป็นมา
เย็นนั้น บนผืนหญ้าสนามหลวง
บทสนทนา เรียงร้อยจนพลบค่ำ
ขณะหนึ่ง ,หลังกระป๋องเบียร์ ฉันภาวนา
“เพื่อนของฉัน ,แม้เธอคุ้นเคยแล้วกับเมืองหลวง
แต่อย่าเฉยชากับชีวิต - - อย่ากลายเป็นคนเมืองเลย”
จบคำภาวนาด้วย เบียร์อึกสุดท้าย - -
ยิ้มตอบ
รอยยิ้ม และประกายตาเช่นเดิมของเธอ ,
เพื่อนของฉัน.
ป.ล.
ฮ่าๆ เอาของเก่ามาขายกิน ^^
เพียงแค่ระลึกถึงว่า...
ความรู้สึกเมื่อแรกรู้จักเมืองหลวงเช่นวันก่อน
ยังจะคงอยู่ หรือกลืนหายกลายอื่นไปแล้ว
เพียงเพื่อระลึกและทดสอบตนเองน่ะครับ
ไม่ได้ตั้งเกณฑ์เพื่อประเมินค่าอันใด
ป.ล. สอง
อะไรจะดีไปกว่าได้สนทนากับเพื่อนเก่าในใจเราล่ะครับ^^
4 Comments:
แหม บล๊อกนี้เพลงเพราะนะจ๊ะ
เพลงนี้มันเหมือนเศร้าเนอะ แต่เราฟังแล้วนึกถึง Mr.Bean ทุกที เพราะมันเป็นเพลง soundtrack เรื่อง Bean the movie เมื่อนานแสนนานมาแล้วอะนะ
คนอื่นฟังแล้วตาลอย แต่เราฟังแล้วขำ
เจ้าของบล๊อกจะว่าเราทำเสียบรรยากาศไหมนี่
ใช่...
อะไรจะดีไปกว่าการได้สนทนากับเพื่อนเก่าในใจเราล่ะ^^
เคยอ่านแล้วก็เข้ามาอ่านอีก จำได้ว่าเคยบอกแล้วว่าชอบบทนี้ที่ยินแต่งด้วยนะ
มิ้ม...
ฮ่าๆ พูดเรื่องเพลง
เพลงก็เสียเลย ไม่มีเพลงล่ะ
สงสัยเวบที่เราไปอัพเพลง
จะมีเรื่องที่เราไม่รู้ให้ต้องแก้ไขอยู่
แต่เราชอบเพลง yesterday ตั้งแต่เด็กแล้วนะ
เราว่ามันเศร้าๆ โดยเสียงและทำนองอ่ะ
มิ้มดันมาฮาซะนี่^^
แต่ไม่เสียบรรยากาศหรอกน่า...
พี่จ๋อย...
อืม
การได้กลับมองไปข้างหลังในบางจังหวะของชีวิตบ้าง
มันช่วยให้เราได้ทบทวนและสนทนากับเพื่อนเก่า
คนนั้น คนที่อยู่ในใจของเรา
บางทีเราอาจจะยังคุยกับเพื่อนถูกคอ
หรือโดนเพื่อนตำหนิความเปลี่ยนแปลงไปบ้าง
แต่มันก็ดีนี่ เนอะ^^
จำได้ว่าพี่เคยนิยมบทนี้เช่นกัน
ขอบคุณครับ^^
ฮ่าๆ
เพลงกลับมาแล้ว
ขอบคุณพี่จ๋อยมากครับ
สำหรับที่ฝากเพลงแหล่งใหม่ ^^
Post a Comment
<< Home