the Fall from anotherside, Yean

ระหว่างร่วงหล่นจากขอบสะพานสู่ห้วงน้ำเบื้องล่าง คำถามใดวิ่งวนสู่มโนสำนึก...

Saturday, January 27, 2007

ความเขลา

ช่วงชีวิตมนุษย์ยาวนานประมาณแปดสิบปีโดยเฉลี่ย คนเรามัก
จินตนาการและจัดการชีวิตของตัวเองโดยยึดช่วงระยะเวลานั้นอยู่ในใจ สิ่งที่ผม
พูดถึงอยู่นี้ทุกคนทราบกันดี แต่เราแทบไม่เคยตระหนักเลยว่าจำนวนปีที่ชีวิตมอบ
ให้เราไม่ได้เป็นแค่ข้อเท็จจริงในเชิงปริมาณ ไม่ได้เป็นแค่รูปโฉมภายนอก (เหมือน
ความยาวของจมูกหรือสีของตา) แต่เป็นส่วนหนึ่งในคำนิยามของความเป็นมนุษย์
ทีเดียว คนที่สามารถมีชีวิตยืนยาวเป็นสองเท่า สมมติเช่นหนึ่งร้อยหกสิบปี โดยที่
ยังมีสมรรถนะครบถ้วนทุกด้าน ย่อมไม่ถือเป็นสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์เดียวกับเรา ชีวิต
ของเขาย่อมไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตของเราเลย -ไม่ว่าความรัก ความทะเยอทะยาน
ความรู้สึก ความโหยหา ไม่มีเลย หากว่าหลังจากอยู่ต่างประเทศมายี่สิบปี
ผู้ลี้ภัยคนหนึ่งหวนคืนสู่แผ่นดินเกิดโดยที่ยังมีเวลาในชีวิตอีกร้อยปีรออยู่ข้างหน้า
เขาย่อมรู้สึกถึง การหวนคืนอันยิ่งใหญ่ เพียงน้อยนิด สำหรับเขา มันอาจไม่ใช่การ
หวนคืนเลยก็ได้ แต่เป็นแค่เส้นทางเล็กๆ สายหนึ่งที่มีอยู่มากมายในการเดินทาง
อันยาวนานของชีวิต

ความหมายของบ้านเกิด ตลอดจนอิทธิพลที่มีต่ออารมณ์ความรู้สึกทั้งหมด
ผูกอยู่กับช่วงชีวิตที่ค่อนข้างสั้นของเรานี่แหละ เพราะมันให้เวลาเราน้อยเกินไปที่
จะรู้สึกผูกพันกับถิ่นอื่น ประเทศอื่น ภาษาอื่น

ความสัมพันธ์ทางเพศอาจกินเวลาในชีวิตวัยผู้ใหญ่ทั้งหมด แต่ถ้าชีวิตยืน
ยาวกว่านี้ เป็นไปได้ไหมที่ความเบื่อหน่ายอาจดับไฟปรารถนาทางเพศให้มอด
ลงตั้งแต่สมรรถภาพทางร่างกายยังไม่เสื่อมถอยด้วยซ้ำ? เพราะมีความแตกต่าง
มหาศาลระหว่างการเสพสังวาสครั้งแรก ครั้งที่สิบ ครั้งที่ร้อย ครั้งที่พันหรือครั้ง
ที่หมื่น ตรงไหนคือเส้นแบ่งที่เมื่อก้าวข้ามไป ความซ้ำซากจะกลายเป็นสิ่งที่ไม่มี
อะไรใหม่อีกแล้ว ถ้าไม่ใช่น่าขันหรือแม้กระทั่งเป็นไปไม่ได้อีกต่อไป? และทันที
ที่ก้าวข้ามเส้นแบ่งนั้นไปแล้ว อะไรจะเกิดขึ้นกับความสัมพันธ์เชิงกามารมณ์ระหว่าง
ผู้ชายกับผู้หญิง? มันจะหายไปไหม? หรือตรงกันข้าม คู่รักอาจเห็นว่าช่วงชีวิต
ทางเพศเป็นแค่ยุคสมัยเถื่อนก่อนประวัติศาสตร์ของความรักที่แท้จริง? การตอบคำถาม
เหล่านี้ง่ายดายพอๆ กับจินตนาการถึงจิตวิทยาของสิ่งมีชีวิตบนโลกที่เราไม่รู้จัก
ความหมายของความรัก (ความรักที่ยิ่งใหญ่ รักแท้ที่มีเพียงหนึ่งเดียว)
ก็น่าจะมาจากช่วงเวลาแคบๆ ที่ชีวิตให้เราเช่นกัน หากช่วงเวลานั้นไร้ขอบเขต
โจเซฟจะยังรู้สึกผูกพันอยู่กับภรรยาที่เสียชีวิตไปแล้วหรือเปล่า? เราผู้ต้องตายอีกไม่
นานข้างหน้า เราไม่มีทางรู้หรอก
จากบทที่ ๓๔ หน้า ๙๘-๙๙
ความเขลา (IGNORANCE)
มิลาน คุนเดอรา เขียน
ภัควดี วีระภาสพงษ์ แปล
ผมยังอ่าน ความเขลา ไม่จบ...
ในค่ำคืนวันเสาร์อาทิตย์เช่นนี้ ผมเสียเวลาไปกับการนั่งอยู่หน้าจอโทรทัศน์
ให้กับ ปังและเจมส์ ต่อด้วยสารคดีที่ทำเอารู้สึกตัวเล็กลงมากๆ อย่าง ปฐพีชีวิต
อยากเขียนถึงเรื่องนี้ แต่เอาไว้ก่อนละกันนะครับ
ขอตัวไปสัมผัสโลกแอนตาร์กติกก่อนครับ

ป.ล.
กว่าผมจะเอาหน้าบล็อกนี้ขึ้นคงเป็นวันพรุ่งนี้แล้ว (๒๘ ม.ค.)
แต่หากคุณเปิดอ่านเมื่อไร
มันก็ปรากฏต่อหน้าคุณเมื่อนั้น
(แล้วจะบอกวันโพสต์ทำไมเนี่ย ^^)

6 Comments:

At 6:17 PM, Anonymous Anonymous said...

เมื่อวันศุกร์ พยายามไปหาหนังสือเล่มนี้ที่จตุจัก แต่จำชื่อหนังสือไม่ได้ รุ้แค่เป็นของมิลาน

ไม่มีคนขายหนังสือร้านไหนที่รู้จัก.....

เป็นความหดหู่ของชีวิตเลยนะ จะซื้อหนังสือราคาเต็มจากร้านที่สามารถค้นหาหนังสือด้วยระบบคอมก็ไม่มีปัญญา ต้องคอยมองหาจากสถานที่ที่ขายหนังสือลดราคา

เมื่อก่อนที่จตุจัก เคยมีคนขายหนังสือ ที่รู้หนังสือ เราแอบหลงรักเค้าด้วย ทุกวันนี้เราก็ยังมองหาเค้าอยุ่ ทั้งๆที่รู้ว่าเค้าไม่ได้ขายแล้ว

ไว้จะรีบไปหาหนังสือเล่มนี้มาอ่าน

อีกอย่าง ช่วยแนะนำร้านหนังสือราคาถูกที่ ไปซื้อแล้วอิ่มใจกลับมาด้วยได้ป่าว

เฮ้อออ....บ่นซะยาวเลย ตอนนี้น้องแอนดำกะลังหลงทางค่ะ พี่ยีนสบายดีนะคะ

 
At 6:05 AM, Anonymous Anonymous said...

อ่านแล้วคิดตามนานดีจังเลยจ๊ะ

 
At 11:51 AM, Anonymous Anonymous said...

ชอบข้อความตรงที่ว่า

"ช่วงชีวิตทางเพศเป็นแค่ยุคสมัยเถื่อนก่อนประวัติศาสตร์ของความรักที่แท้จริง"

O_O

 
At 10:09 AM, Blogger ไอ้หนวดยีน said...

แอน...
อืม เราก็ไม่ค่อยได้มีโอกาส
ซื้อหนังสือเท่าไหร่ในเมืองหลวง
แล้วเท่าที่ผ่านถ้าซื้อหนังสือที่ตีพิมพ์ใหม่
ก็จะไม่พ้นร้านหนังสือที่ขายเต็มราคาเหมือนกันแหละ

ได้ข่าวว่าที่ร้านจำพวก half book แถวสยาม
และอีกหลายๆ ที่แต่ไม่เคยเข้าไปเลย...
เราไปจตุจักรหลายหนแต่ไม่ค่อยชอบบรรยากาศการขายหนังสือเท่าไหร่ (เรื่องอื่นๆ มีสีสันดี) เพราะมีคนมาทักว่าโป๊ไหมพี่ บ่อยเหลือเกิน^^ แล้วหนังสือที่เราสนใจก็ยังมีราคาสูงกว่าสมัยอยู่เชียงใหม่อีก
ร้านหนังสือเก่าในเมืองหลวงที่เราว่าน่าสนใจอยู่บ้างก็จะมีที่หน้าวัดมหาธาตุแถวเกษตรน่ะ แต่ต้องไปรื้อค้นเอาเองนะ แถมยังใส่ซองพลาสติกด้วย(เรื่องนี้คุยได้ ขอแกะดูน่ะ)ราคาหนังสือจะลดมากหน่อย แต่ก็หนังสือเก่าๆ เลยนะ เดี๋ยวนี้ใต้เซ็นทรัลลาดพร้าวก็ไม่มีแล้วด้วย (เสียใจ)เคยไปแถวบางยี่ขัน แต่ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ มีคนบอกว่าแถวหน้ารามก็เยอะ แต่ยังไม่เคยไปเดินสักที ส่วนร้านหนังสืออิ่มใจนั้นไม่รู้สิ บางทีต้องแลกด้วยราคาที่ต้องจ่ายอยากคุยกับคนขายหนังสือที่เราชอบก็อาจจะต้องซื้อหนังสือในอีกราคาหนึ่ง การได้สนทนานั่นคือความพอใจของเรานิ^^
(ช่วงหลังเราก็ไม่ค่อยได้ซื้อหนังสือใหม่ๆ นอกจากเล่มที่อยากอ่านจริงๆ ก็เต็มใจในราคาน่ะ นอกนั้นยังสามารถยืมห้องสมุดมาอ่านได้อยู่ ฮ่าๆ)

บ่นซะยาวด้วยเลย...สบายดีสำหรับเรา
แล้วก็เดินอ้อมหน่อย ยังไม่ถือว่าหลงทางหรอกน่า^^

มิ้ม...
อืม เราก็ว่าอ่านงานของคุนเดอราที่ไรแล้ว มีเรื่องให้คิดเยอะทุกทีเลย ทั้งๆ ที่ปรากฏตามตัวอักษรและที่ซ่อนอยู่ในนั้นน่ะ^^

คุณขาม...
ฮ่าๆ ผมก็ชอบประโยคนั้น
ชอบการพูดถึงประเด็นเรื่องการหวนคืนตอนต้นเรื่องด้วยครับ
(เกริ่นไว้ให้อยากไปหามาอ่านครับ ^^)

 
At 2:53 PM, Blogger Unknown said...

www0629
cheap jordans
grizzlies jerseys
kappa clothing
longchamp pliage
moncler outlet
dior outlet
a bathing ape
oakley sunglasses
true religion jeans
air max 90









 
At 9:01 AM, Blogger te12 said...

qzz0727
christian louboutin outlet
michael kors outlet
true religion outlet
polo shirts
supreme uk
air jordan 3
cheap jordans
belstaff jackets
canada goose jackets
michael kors

 

Post a Comment

<< Home