the Fall from anotherside, Yean

ระหว่างร่วงหล่นจากขอบสะพานสู่ห้วงน้ำเบื้องล่าง คำถามใดวิ่งวนสู่มโนสำนึก...

Monday, July 24, 2006

HELEN The Baby Fox

เมื่อวานนี้ไปดูหนังกับพี่จ๋อยที่สยาม
ตอนแรกตั้งใจว่าจะไปเดินซื้อหมึกมาเติมเครื่องพิมพ์ที่พันธ์ทิพ
แล้วแวะไป sweet sin ตามภาระ เอ๊ย! ภาวะปกติในแต่ละวันเท่านั้น
แต่โทรหาพี่จ๋อยแล้วพบว่าจะหนีไปดูหนังเศร้าคนเดียว - เรื่อง เฮเลนฯ นี่ล่ะ
(ใครเคยดูโปรแกรมล่วงหน้าก็จะรู้ว่า เขาโฆษณาไว้ด้วยคำว่า
หนังสำหรับผู้มีหัวใจที่อยากจะร้องไห้โดยไม่เสียดาย อืม คิดว่าทำนองนี้นะ ^^)

เมื่อวานเลยเป็นวันดีๆ อีกหนึ่งวัน
แม้ก๋วยเตี๋ยวดู๋ดี๋รสเผ็ดมากแบบแสบภูธรจะทำให้มื้อกลางวันแสบไส้
แต่การได้ไปยืนอยู่หน้าโรงหนังแล้วเห็นว่ามีครอบครัวหลายครอบครัว
เอ่อ ที่น่าจะเป็นชาวญี่ปุ่น (จากการสังเกตด้วยสายตาอันคมกล้าของพี่จ๋อย)
ผมรู้สึกดี รู้สึกดีที่วัฒนธรรมของเขาครอบครัวพาลูกๆ มาดูหนังประเภทนี้ด้วยกัน

เรื่องของลูกสุนัขจิ้งจอกที่พิการทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน
แถมมีอาการเลือดคั่งในสมองกับเด็กชายที่เขียนเรียงความเกี่ยวกับแม่ที่เป็นช่างภาพ เขียนถึงปลานักคำนวน ทะเลฤดูร้อนที่เหมือนของกิน
เรียงความที่มาจากภาพถ่ายของแม่
แน่นอน การเขียนเรียงความเช่นนั้นทำให้เพื่อนร่วมชั้นหัวเราะเยาะ
ไทชิ ต้องมาอยู่กับครอบครัวของสัตวแพทย์และลูกสาวแปลกหน้า
ที่ดำรงชีวิตด้วยการรับเลี้ยงหมาพันธุ์ลาบาดอชื่อรอสซี่
ขณะที่เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการดูแลสัตว์ป่าที่บาดเจ็บและล้มป่วย...

ผมชอบหนังเรื่องนี้ น้ำตาหยดตั้งแต่ต้นเรื่องเลยสิ
(ตั้งใจจะสบถว่า แย่จริง! แต่คิดอีกที มันไม่แย่นี่ครับ)
การที่ต้องจากแม่ที่เดินทางไปทำตามความต้องการของตัวเอง
แม่ที่มีความเชื่อว่า ความสุขของตัวเองคือความสุขของคนรอบข้าง
ไทชิ อยู่ในบ้านกลางป่าของสัตวแพทย์
หนังทำให้เห็นความไม่มั่นใจและไม่มีความสุขที่จะอยู่ด้วยในตอนต้นเรื่อง
ไม่ว่าจากการไม่อยากกลับบ้าน ความรู้สึกหวาดกลัวระหว่างการเดินทางเข้าบ้าน
(เห็นคุณยายระหว่างทางเป็นแม่มดเสียด้วย)

จนกระทั่ง ไทชิ ได้พบกับลูกสุนัขจิ้งจอกบริเวณริมถนน
โลกของความเปลี่ยวเหงามาบรรจบกัน ไทชิคิดถึงแม่ สุนัขจิ้งจอกเองก็อาจเช่นกัน
พวกเขาหลายเป็นเพื่อนกัน สุนัขจิ้งจอกน้อยป่วยจำเป็นต้องได้รับการรักษา
จึงต้องกลับไปที่บ้านของสัตวแพทย์ แล้วเรื่องราวมากมายในสามสัปดาห์ก็ตามมา
ผมอยากจะเขียนเล่าทั้งหมด
แต่ว่าเกรงใจคนที่ยังไม่ได้ดูและปรารถนาจะรับรู้ด้วยตัวเอง

ผมชอบหลายอย่างในเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นความน่ารักของรอสซี่
ไทชิที่กลายเป็นซัลลิแวนน้อยของสุนัขจิ้งจอกชื่อเฮเลน
หรือตอนที่โก-สัตวแพทย์เอ่ยชื่อของซัลลิแวนและเฮเลนออกมา
ทำให้ไทชิไปค้นหาชื่อและการกระทำของเรื่องเหล่านั้น
จากหนังสือที่ห้องสมุดของโรงเรียน
ผมชอบที่ห้องสมุดของเขามีหนังสือประเภทต่างๆ มากมาย
และแถมยังเป็นการ์ตูนที่เด็กอ่านได้ง่าย
ชอบเพื่อนๆ ของไทชิที่สอนเล่นสเก็ตบอร์ด และช่วยแบบพูดเปรยให้รู้ ^^
ระหว่างดูหนัง ผมได้ยินเสียงหัวเราะของเด็กในโรงด้วย
รู้สึกว่าสารในหนังสามารถเดินทางไปถึงพวกเขาได้
ชอบตอนที่โกอธิบายเรื่องภาษาญี่ปุ่นในคำว่า
"ความสุข" และ "ความทรมาน"

ในเรื่องนั้นตัวละครลูกสาวของโกเองก็มีปมเรื่องครอบครัว
ผมไม่รู้สิครับ แต่รู้สึกว่าหนังมันพูดถึงเรื่องของครอบครัวมาก
ไทชิเป็นเสมือนแม่ของเฮเลน การกลับมาของแม่ของไทชิ
รวมไปถึงประโยคที่บอกกับพี่จ๋อยตอนดูหนังจบแล้ว
ว่า "เรายัง (มีโอกาส) เป็นพ่อแม่ที่ดีได้นะ"
ชอบครับ^^

รู้สึกอิจฉานิดๆ ตรงที่มีหนังอย่างนี้ให้เด็กญี่ปุ่นเติบโตมาได้
ร้องไห้จนสะอื้นเชียวล่ะ แต่รู้สึกดีที่นานๆ ได้ดูหนังแบบนี้บ้าง
หัวเราะก็มี ร้องไห้ก็เพราะความรู้สึกในใจเราแทนค่าจากการรับรู้

การได้จับมือใครคนนั้นแล้วบอกว่า เรายังเป็นพ่อแม่ที่ดีได้นะ
เฮ้อ..(ถอนหายใจติดกันห้าครั้ง)...
มันคงดีจริงๆ เลยนะ ^^

ป.ล.
ผมเคยมีโอกาสเห็นสุนัขที่เลี้ยงไว้ตายไปต่อหน้าเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
ความรู้สึกรักและผูกพันทำให้เราเสียใจและโศกเศร้าเมื่อถึงวันจากลากันเพียงนั้น
แต่เราควรหยุดและกีดกันมันไว้ เพราะความเสียใจในวันข้างหน้าหรอกหรือ?
ผมมีความสุขกับวันทุกวันมาก และปรารถนาจะทำให้ดีพอในทุกวันด้วยครับ
อย่างไรก็ตาม รบกวนด้วยนะ เพราะเราต้องช่วยกันอ่ะ ^^

14 Comments:

At 10:01 AM, Anonymous Anonymous said...

ถูกต้อง ถูกต้อง
เฮเลนพาเราน้ำตาไหลตั้งแต่ต้นเรื่องจนจบเลย

อิจฉาด็กญี่ปุ่นที่มีหนังดีดีดู มีหนังสือดีดีอ่าน มีธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ดี สงบ สะอาด...

เอ่อ บ้านเราเมืองเราก็มี...แต่...(เติมกันเอาเองตามใจชอบนะ)

ดูแล้วก็นะ ไอ้ที่ว่าคนโตโตน่ะ มันก็ยังต้องเติบโตกันอีกต่อไป ยังต้องเรียนรู้จากคนรอบข้าง สิ่งต่างต่างรอบตัว แม้แต่สัตว์ตัวเล็ก คนตัวเล็ก ก็ทำให้ผู้ใหญ่ตัวโตต้องเรียนรู้ที่จะเติบโตต่อไปอีก

ไม่เสียดายน้ำตาที่ต้องเสียไปจริงจริงด้วย

ป.ล. ยีน ก่วยเตี๋ยวดู๋ดี๋ที่กินน่ะ มันแสบ ต.ช.ด.นะ ไม่ใช่แสบภูธร อ้อ แต่มันโคตรไม่อร่อย ทั้งเผ็ดและขมขื่นจนแสบไส้เลยล่ะ

 
At 10:03 AM, Blogger ไอ้หนวดยีน said...

แหะๆ พลาดไปแล้ว ^^
แสบ ต.ช.ด. จริงๆ นั่นแหละครับ

 
At 10:22 AM, Blogger ไอ้หนวดยีน said...

พี่จ๋อย,

ผมตกวิชาเติมคำในช่องว่างครับ
เติมทีไรครูทำหน้าปูเลี่ยนๆ ทุกทีสิน่า ^^

อืม ชอบที่พี่บอกว่า ยังต้องเติบโตต่อไป ต้องเรียนรู้จากคนรอบข้าง จากสิ่งต่างต่างรอบตัว สัตว์เล็กๆ คนเล็กๆ และผมกรุ่นใจมากเลยนะครับเวลาที่ได้ร้องไห้ออกมา เพราะรู้สึกดีที่เรายังไม่คนเฉยชา

ถ้าเมื่อวานพลาดไป ผมอาจไม่ได้ไปดูคนเดียว
และอาจพลาดเฮเลนฯไปได้...
ดีใจที่ได้ไปดูด้วยกันครับ

 
At 11:19 AM, Anonymous Anonymous said...

ไทชิรักเฮเลน... เฮเลนรักไทชิ
โลกของเฮเลนจะมืดมัว และน่ากลัวเพียงไร
แค่มีมือ ของไทชิที่คอยสัมผัส
โอบอุ้มด้วยความรัก
ผมว่าชีวิตน้อยๆ ของเฮเลน โชคดีที่สุดแล้วล่ะครับ

...

ผมไปดูมาสองรอบแล้วครับ 555+
เว่อร์เกินไปไหม ^^

 
At 1:19 PM, Blogger eek said...

ยีน พูห์ที่รัก
เล่าให้เราฟังหน่อยได้ไหม เราคงไม่มีโอกาสได้ดูหรอก

 
At 8:28 PM, Anonymous Anonymous said...

งืมๆ น่าดูจัง เป็นคนรักหมามาก
ฉันต้องตายลงไปแน่ๆถ้ามันเศร้า

ขอเวลาทำใจก่อน
ซึ่งคงจะพอดีกับเวลาที่มีคนมาซ่อมคอมไดรฟ์ E ให้
และประจวบกับเวลาที่ DVDเ ดินทางมาถึงเมืองไกลๆ

ไปตั้งใจเขียนเรื่องต่อดีกว่า ขณะนี้กำลังศึกษานวนิยายเกาหลี
เกือบแล้ว เกือบปวดหัวตายกับอึนๆ ซึนๆ ในชื่อ
แต่ฉันเชื่อว่ามันต้องมีเล่มที่ดี จนอยากเล่าถึง

เอิ๊กๆๆ

 
At 9:06 AM, Blogger ไอ้หนวดยีน said...

คุณขาม...
ฮ่าๆๆ
ดูมาสองรอบแล้วเหรอครับ
ฮ่าๆๆ อืม ดีครับไม่เว่อร์หรอก
ชอบก็ต้องไปดู ไปรู้สึกกับมันนี่ครับ ^^

อิ๊ก...
เล่าไม่ได้อ่ะ ไม่ดีเท่าดูเองหรอก
ไว้ถ้ามันมีแผ่นออกมาจากซื้อส่งไปให้ดู
โอกาสยังมีอยู่เน้อ

น้าจูน...
น้า ถ้าจะหอบสะอื้นแน่ๆ เลย
ร้องไห้แต่สุขอ่ะ หวังว่าไดร์ฟอีของน้ากลับมา
ในเร็ววัน แต่ก็คงก่อนหนังจะออกมาล่ะน่า
ส่วนเรื่องนวนิยายเกาหลีอ่ะ เอาเลยน้า
หาให้เจอแล้วเอามาเขียนให้อ่านบ้างนะครับ

 
At 11:48 PM, Anonymous Anonymous said...

ช่วงนี้เราร้องไห้เยอะเป็นปกติว่ะยีน
แต่ยังไม่สุดเสียที
เสาร์นี้กะจะไปดูเฮเลนให้ได้
จะร้องไห้ให้มันลั่นโรงเลย
เผื่อน้ำตาจะล้างใจให้มันสะอาดๆ บ้าง
ฮึ่ย! (แพนด้าฮึด)

ปล.ถึงอิ๊ก (แอบตีซี้นะ ไม่มีคำว่าคุณนำหน้าแล้ว อิอิ) เราจะช่วยยีนหาแผ่นดีวีดีให้อีกแรงนะ แล้วจากนั้นเราจะได้เริ่มโครงการโปสการ์ดเดินทางกันเสียที (^_^)

 
At 8:15 AM, Blogger ไอ้หนวดยีน said...

บูมเหวย...
ร้องไห้เยอะเป็นปกติ -_-"
หนังมันอาจไม่ได้เศร้าขนาดนั้นหรอกนะ
แต่ว่าไปซับซึมความเป็นจริงของเรื่องราว
ในนั้นอย่างที่มันเป็น
บูมน่าจะได้อะไรงามๆ แหละ
ดูหนังแล้วร้องไห้ได้เนี่ย เราชอบมากเลย
รู้สึกสบายใจดีที่ยังมีความรู้สึกที่ชัดเจนอยู่
แต่... เอ่อ..แพนด้าฮึดจะน่ากลัวไหมน้า ^^
ป.ล.
ถ้าบูมมองหาดีวีดีให้ละก็อิ๊ก ฮ่าๆ ได้ดูแน่ๆ
แล้วโปสการ์ดคงร่อนไปในถุงเมล์อีกครั้ง ^^

พี่บอล
ไม่รู้อ่ะ ไทชิ แปลว่า หนึ่ง หรือเปล่าอ่ะ
แต่เป็นปลาตัวที่โดดมาเพิ่มให้ครบหกอ่ะครับ
(รอผู้มีความรู้ไขความ)

 
At 1:15 PM, Blogger eek said...

มาดีใจ มีคนใจดี

 
At 1:17 PM, Blogger AUY ^ ^ said...

อุ๋ย
พี่ยีนจายร้ายย ไปดูไม่ชวนกัน
อิอิ
อยากดูๆ ไว้หาโอกาศไปดูบ้าง

อุ๋ยไปดูหนังเกาหลีมา
เรื่อง Sad อย่าง
เศร้าดี
แต่ก็ไม่ได้น่าจดจำอะไรมากมาย
เหมือนทำให้ร้องให้ แล้วก็จบไป

^^

 
At 9:18 AM, Blogger ไอ้หนวดยีน said...

อิ๊ก...
หนังเรื่อง Always เป็นแผ่นแล้วนะ
แต่ยังไม่มีตังค์ซื้อว่ะ
ไว้มีตังค์จะส่งไปให้ล่ะกันแก

น้องอุ๋ย...
ฮ่าๆๆ น้องอ่ะหนีไปดูกับบ่าวมาอ่ะ
ยังจะมาว่าใจร้ายอีก ^^
ไว้หาโอกาสไปดูนะน้อง น่าจะชอบนะ
ส่วน sadฯ น้องเขียนซะไม่น่าดูเลยอ่ะ^^

 
At 12:44 PM, Anonymous Anonymous said...

ไทชิ ไม่ได้แปลว่าหนึ่งครับ แต่
ชื่อเด็กคนนี้ถ้าอ่านตามตัวอักษรจะอ่านได้ว่า ทะอิจิ
ซึ่งอิจิแปลว่าหนึ่ง แล้วหนึ่งภาษาญี่ปุ่น ก็คือ เส้น1ขีดที่เติมเข้าไปนั่นล่ะ
เพิ่งดู ubc จบไปตะกี้น้ำตายังไม่หยุดไหลเลยเนี่ย

 
At 10:29 AM, Blogger Unknown said...

www0716


gucci handbags
off white
longchamp handbags
longchamp outlet
jordan shoes
suicoke sandals
michael kors handbags
moncler outlet
futbol baratas
oakley sunglasses







 

Post a Comment

<< Home