the Fall from anotherside, Yean

ระหว่างร่วงหล่นจากขอบสะพานสู่ห้วงน้ำเบื้องล่าง คำถามใดวิ่งวนสู่มโนสำนึก...

Thursday, July 06, 2006

ฉันเอง

ตะวันแหวกท้องฟ้าหม่นของฤดูฝนออกมาในวันนี้
แม้จะไม่ได้สาดส่องไปทั่วก็เถอะ...

รสขมปร่าในลำคอยังคงอยู่
จมูกแสบและเต็มไปด้วยเศษฝุ่นจำนวนมากแบบทุกเช้า
วันนี้ควรต้องแตกต่างไปหรอกหรือ?
อาจจะเพราะกลุ่มควันที่เคลื่อนผ่านระบบหายใจเมื่อคืน
หรือรสชาติเบียร์ยังเกาะผนังแก้ม
รสขมของยามเช้าจึงทำให้การเริ่มวันแปลกปร่ากว่าเคย

นานแสนนานของการก้าวเดินจากวันวันนั้น เรื่องราวมากมายทยอยกันเข้ามาทายทัก ประโยคหรือคำแรกที่ผมพาหลุดจากริมฝีปากคือคำกล่าวเช่นใด ไม่อาจระลึกถึง ความหมายของถ้อยคำเหล่านั้นคงมีต่อผู้อยู่ตรงหน้าในวันวัยเหล่านั้น แม้ประโยคแรกจะมีความหมายเท่าๆ กับประโยคต่อมาในชีวิตก็ตาม ตื่นแหวกดวงตาที่เต็มไปด้วยขี้ตาเกรอะกรังออกมาอ่านข้อความในโทรศัพท์มือถือ ข้อความแรกที่เดินทางมาถึงก็มาจากคนในครอบครัวคนหนึ่ง

วันนี้ ต้องเดินทางไปทำบุญถวายเทียนตามที่ภาควิชาบอกให้ไป (ใช้แรงงาน) ดีเหมือนกันหากจะได้เข้าวัดเพื่อทำบุญเสียบ้าง ถ้ายังอยู่ที่สุโขทัย วันเวลาเช่นนี้ ฉันและพ่อจะออกจากบ้านเช้ากว่าเดิมเล็กน้อย เพื่อไปวัดราชธานีถวายข้าวกับหลวงตาที่อาศัยนอนในวิหารพระพุทธรูปที่รอดจากไฟไหม้ตลาดครั้งใหญ่ เหตุการณ์ก่อนที่ผมจะตื่นมาตระหนกกับโลกใบนี้ กว่าจะหมดภารกิจภายนอกของฉันเองในวันนี้ เวลาก็คงล่วงไปจนเกือบห้าโมงเย็นแล้ว เขียนไปเสมือนรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง แต่แท้จริงใครเลยจะรู้ว่าแผนการต่างๆ ที่คาดหวังกันไว้นั้นจะสามารถทำได้มากน้อยแค่ไหน

ทุกครั้งที่ตั้งความหวังกับสิ่งใด ความคาดหวังมักเดินควบคู่กันไม่ยอมห่าง ฉันจะหลีกเลี่ยงกิเลสเช่นนั้นได้อย่างไร นอกจากพยายามทำความเข้าใจต่อชีวิตมากขึ้น ในทุกวันนี้ ถ้อยคำที่ฉันผสานเข้ากับท่วงของการหายใจเมื่อระลึกถึงสติได้กลับคือ "ทุกสิ่งผุพังแตกสลายได้" บางสิ่ง แม้เราจะเฝ้าดูแลรักษามันมากมายเท่าใด แต่อายุขัยของมันก็ยังมีไม่แตกต่างไปจากสิ่งต่างๆ ที่รายล้อมเราอยู่ และแม้จะบอกว่านั่นคือถ้อยคำที่พร่ำพ่นสนทนากับตัวเองในลมหายใจ แต่...ไม่หรอก ฉันไม่สามารถเท่าทันมันได้ในทุกครั้งหรอก กิเลสและความเป็นมนุษย์ยังอยู่กับฉันมากพอ ที่จะไม่พอใจ เสียใจ แล้วแปรมันเป็นเรื่องราวไม่ดีเมื่อมาระลึกถึง-เมื่อกาลผ่าน ได้แต่พร่ำบอกเหมือนใครทุกคนที่ปรารถนาจะทำวันนี้ให้ดี ให้งดงามที่สุด

กระนั้น ใครจะรู้ได้ว่าในความปรารถนาดี ความมุ่งหมายที่จะทำเรื่องดีงามนั้น ฉันจะทำเรื่องใดพลาดพลั้งไปบ้าง ทุกสิ่งแตกหักสูญสลาย มองหาความสมบูรณ์ที่ใดกัน ก็แค่บ่นปลอบการเลือกเดินไปบนถนนที่ปลายทางยังพร่าเลือน ไม่มีทางรู้เลยว่าถนนเส้นนี้จะพาไปสู่หนใด และมันอาจพาหลงไปจากเส้นทางที่หมายมั่น แต่หากมันเป็นการหลงทางอย่างที่ใครต่อใครจะให้ความหมาย ฉันก็ให้คุณค่าว่า มันคือ การหลงทางอันแสนสุข...

จะมีกี่เช้าที่เราตื่นมาพบว่า
เวลามันเคลื่อนไปจริงๆ
มีอะไรเกิดขึ้นมากมายยินดี สุข เศร้า
เรื่องราวดำเนินไป

สวัสดี
วันที่หนึ่งหมื่นสองร้อยยี่สิบหก
สำหรับลมหายใจและการใช้ชีวิต
ขอโทษและขอบคุณครับ...

7 Comments:

At 11:26 AM, Anonymous Anonymous said...

ไม่มีใครรู้เรื่องลมหายใจหน้าหรอกลุงหนวด
เมื่อเช้าฉันตื่นสายนิดหน่อย เลยได้แต่เดินเล่น
...ไม่ได้ไปยืนขำบ้าง เต้นบ้างที่ลานแอโรบิกแต่อย่างใด

ความดีแรกของเช้านี้
คงเป็นการไม่เอ่ยปากเหน็บแนมรถคันที่แซงคิวเลี้ยวรถของฉันกระมัง
ฉันมักน้อย นิดๆหน่อยๆฉันก็อุ๊บอิ๊บเอาแล้วหล่ะ ว่ามันคือความดี

ปีนี้ฉันว่าเข้าพรรษา ฉันจะระมัดระวังคำสักหน่อย
จริงๆฉันก็ไม่ได้หยาบคายร้ายกาจอะไร
เพียงแต่ชอบพูดเหน็บแนมและเพ้อเจ้อฟุ้งๆ

หามองหาอะไรที่อยู่ไกลเกิน ชีวิตคงต้องคิดถึงลมหายใจหน้าอยู่ร่ำไป
มองหาสิ่งงามที่อยู่ใกล้และทำง่ายในแต่ละวันคงเข้าที

 
At 11:51 PM, Anonymous Anonymous said...

เมื่อวาน...
ผมมีความคิดว่าอยากตายแล้วเกิดใหม่

ไม่ได้ "ตาย" ในความหมายนั้นนะครับ

ผมแค่อยากทิ้งสิ่งเก่าๆ ความหม่นหมองทุกอย่าง
และอยากเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ 555...

ชอบที่คุณยีนเรียกการเดินทาง ณ เวลานี้ ว่า การหลงทางอันแสนสุข

บางครั้งผมก็พบว่า การเดินออกนอกกรอบ เตร็ดเตร่ไปเรื่อยเปื่อย ก็มีความสุขไม่ใช่น้อย ...

ปล. ตอนนี้อ่าน BECK จนถึงเล่มที่ 18 แล้วครับ สนุกมาก เหมือนที่คุณยีนบอกไว้ว่ามันไม่ได้ยิ่งใหญ่ แต่ให้กำลังใจดีทีเดียว ... ^^

 
At 10:34 AM, Anonymous Anonymous said...

ไม่มีใครรู้ว่า วินาทีต่อไปจะเกิดอะไรขึ้นกับเราบ้าง
และบางครั้งกว่าที่เราจะรู้สึกตัว รู้ผิดชอบดีชั่ว หลง รัก เกลียด รวมทั้งกิเลสมากมายที่เป็นเหมือนอวัยวะส่วนเกินในตัวเรา...
บางทีนั้นก็ต้องอาศัยการนั่งลง แล้วทบทวนลมหายใจที่ผ่านไปแล้วนั้นอย่างช้าช้า

โอ้ว...พราะพุทธเจ้า นี่เราพูดอะไรออกไป

ป.ล. เมื่อวานพี่จ๋อยผ่านอาการเฉียดตายมาได้อย่างหวุดหวิด วินาทีอย่างนั้นเช่นกันที่รู้สึกว่า มันรวดเร็ว ตั้งตัวไม่ทัน และความตายติดตามเราอยู่เสมอ แค่...บางทีที่ยังไม่ใช่ ก็แค่ยังไม่ถึงเวลาเท่านั้นเอง

ป.ล.(อีกที)ไอ้เวลาหนึ่งหมื่นกว่าวันที่ผ่านมาแล้วในชีวิตนั่น ขอให้มันได้ยืนยาวต่อไปอีกอย่างดีดี อย่างที่ยีนหวังจะให้มันเป็นนะ

 
At 9:47 AM, Anonymous Anonymous said...

น้า--
การตื่นสายของน้า ดูมีความหมายเชียว
ข้อดี-เรื่องดีที่เราสามารถมองเห็นได้ในแต่ละวัน
มันมีค่าอ่ะ ผมว่า
ขอบคุณครับ

คุณขาม--
อืม ความรู้สึกเช่นที่คุณขามว่า
ผมก็เป็นบ้าง แม้จะไม่บ่อยก็เถอะ
ออกเดินทางครับ ผมใช้วิธีนั้นไปโลกแปลกหน้า
และเริ่มต้นมองโลกอย่างเพิ่งพบกันครั้งแรกอีกหน
ส่วนการหลงทางอันแสนสุข อันที่จริงผมก็ชอบชื่อนี้
ได้ยิน(เห็น)ครั้งแรกบนปกหนังสือของคุณอาจินต์ ปัญจพรรค์น่ะครับ ออกไปเตร็ดเตร่กับชีวิตกันบ้างเถอะครับ แหะๆ แต่บ่อยไปก็คงเหนื่อยหน่อย ^^
ป.ล.BECK ผมยังอ่านถึงตอนที่เอ็ดดี้ ลีตายอยู่เลยครับ น่าประมาณเท่าๆ คุณขามแล้ว ไม่ได้ซื้อแบบอีกเรื่องนึง แต่ก็ชอบครับ ชอบพลังของหนุ่มสาวน่ะครับ การเริ่มต้นอะไรด้วยความฝัน ด้วยพลังนี่มัน เยี่ยมจริงๆ

พี่จ๋อย--
อืม พี่จ๋อยอ่ะ เอาพี่จ๋อยคนเดิมคืนมา
ไม่เอามาย บุดดาอ่ะ ^^
ไม่เห็นเล่าให้ฟังเลยอ่าพี่ เรื่องแท็กซี่หมุนคว้างอ่ะครับ
พี่บอลก็ยังไม่ได้เล่า การได้ผ่านแวบนั้นอาจทำให้คุณค่าลมหายใจของเรางดงามก็ได้พี่
วันเหล่านั้นมันเพิ่มขึ้นหรือยืนยาวแค่ไหนก็ไม่สำคัญเท่ากับมีความสุขกับวันเหล่านั้นและคนรอบข้างหรอกครับพี่
แน่นอน นี้คือคำพูดของผมในวันนี้ ไม่รู้ว่ามันจะเผชิญกับเรื่องใดบ้าง และจะยังมีพลังแบบนี้อีกนานแค่ไหน
แต่ก็ขอบคุณครับพี่ ^^

 
At 11:30 AM, Blogger AUY ^ ^ said...

การหลงทางอันแสนสุข

ฟังดูดีนะเนี่ย
ถ้าหลงทางแล้วสุข
ก็พร้อมที่จะหลง

^^

ปล.รักษากาย รักษาใจนะพี่ชาย

 
At 10:49 PM, Blogger ไอ้หนวดยีน said...

น้องอุ๋ยจ๋า.... ^^

อืม มันมีความสุขระหว่างทาง
ที่หลงเดินหรอกน่าน้อง

ไม่ได้ตั้งใจจะหลงทางน้าน้อง

น้องด้วยล่ะ รักษาใจกายให้ดีเยี่ยม
ขอบคุณน้า^^

 
At 10:10 AM, Blogger eek said...

ยังไม่ตอบนะ เพราะยังอ่านได้ไม่ซึมซับ สมองมันเหม่อไปไกลว่าตัวหนังสือ แล้วจะมาอ่านและตอบใหม่นะเพื่อน

 

Post a Comment

<< Home