the Fall from anotherside, Yean

ระหว่างร่วงหล่นจากขอบสะพานสู่ห้วงน้ำเบื้องล่าง คำถามใดวิ่งวนสู่มโนสำนึก...

Friday, June 16, 2006

บ้านไร่

นี่คือบ้านที่ฉันกล่าวลา เป็นเวลาอีกเนิ่นนานต่อมาที่ฉันไม่ได้เห็นบ้านเหมือนเช่นนี้อีก เรื่องก็คือ ฉันกำลังมาถึงพรมแดนในภูเขาแอลป์สฺ ณ ที่นี้ คือที่สิ้นสุดของภาคเหนือ, สถาปัตยกรรมแบบเยอรมัน, ชนบทเยอรมัน และภาษาเยอรมัน

ช่างงดงามเหลือเกินที่ได้มาข้ามพรมแดนนี้ ชายพเนจรกลายเป็นคนสมัยโบราณไปได้ในหลายทาง เช่นเดียวกับพวกร่อนเร่เป็นคนโบราณกว่าชาวไร่ ฉันรู้สึกเหมือนคนอื่นๆ ว่า ความปรารถนาที่จะได้ไปถึงอีกด้านหนึ่ง ที่ซึ่งทุกสิ่งพรักพร้อมอยู่แล้ว เป็นสัญลักษณ์แห่งหนทางสู่อนาคต

ถ้าคนอื่นๆ จำนวนมากเกลียดชังพรมแดนระหว่างประเทศเท่าที่ฉันรู้สึก ก็คงไม่มีสงครามและการกั้นขวางอีกต่อไป ไม่มีสิ่งใดในโลกอีกแล้วที่น่าขยะแขยงและน่าชังเท่าพรมแดน อาจเปรียบเสมือนปืนใหญ่ หรือพวกนายพล ซึ่งตราบใดยังมีสันติ ความรัก และความเมตตา ตราบนั้นก็ไม่มีผู้ใดให้ความสนใจ- - -แต่ทันใดที่เกิดสงครามและความบ้าคลั่ง พวกนั้นก็จะกลายเป็นสิ่งเร่งด่วนและศักดิ์สิทธิ์ เมื่อสงครามเกิดขึ้น คนเพเนจรอย่างเราจะเจ็บปวดและถูกจองจำ ขอให้ภูติผีมาเอาพวกนั้นไปเสียเถิด!


ฉันกำลังวาดรูปในบ้านในสมุดบันทึก ดวงตาของฉันละทิ้งทุกสิ่งที่คุ้นเคยไปอย่างแสนเศร้า หลังคาแบบเยอรมัน, โครงสร้างของบ้านแบบเยอรมัน, กระเบื้องมุงหลังคา, ทุกอย่างที่ฉันรัก

อีกครั้งหนึ่งที่ฉันรักทุกสิ่งทุกอย่างที่บ้าน เพราะฉันจะต้องจากมันไป พรุ่งนี้ฉันจะรักหลังคาอื่นๆ กระท่อมหลังอื่นๆ ฉันจะไม่ละทิ้งหัวใจไว้เบื้องหลัง อย่างที่เขาเขียนกันในจดหมายรัก เปล่าหรอก ฉันจะเอาหัวใจติดตัวไปด้วย เมื่อเดินเหนือทิวเขา เพราะฉันปรารถนาหัวใจตลอดเวลา

ฉันเป็นคนพเนจร ไม่ใช่ชาวไร่ ฉันเป็นผู้ชื่นชมความไม่ซื่อ, ความเปลี่ยนแปลง, ความวิจิตรพิสดาร ฉันไม่แยแสที่จะยึดมั่นในความรักต่อผืนดินอันว่างเปล่าที่ใดที่หนึ่งบนพิภพนี้ ฉันเชื่อว่า สิ่งที่เรารักเป็นเพียงสัญลักษณ์เท่านั้น เมื่อใดก็ตามที่ความรักของเราเกิดความผูกพันกับสิ่งหนึ่ง, ความเชื่อหนึ่ง, คุณธรรมหนึ่ง ฉันจะรู้สึกเคลือบแคลง

ขอให้ชาวไร่จงโชคดี! ขอให้ชายผู้เป็นเจ้าของสถานที่นี้จงโชคดี, ทั้งคนที่ทำงานในไร่, คนซื่อสัตย์, ผู้มีคุณธรรม! ฉันสามารถรัก, เคารพ, ริษยาเขา แต่ฉันเสียเวลาไปครึ่งชีวิตแล้วที่จะอยู่อย่างเขา ฉันต้องการเป็นสิ่งที่ฉันไม่ได้เป็น ฉันถึงกับอยากเป็นกวีและเป็นคนชั้นกลางในขณะเดียวกัน ฉันอยากเป็นจิตรกรและคนช่างฝัน แต่ฉันก็อยากเป็นคนดี, คนที่อยู่กับบ้านด้วย

ฉันคิดไปยืดยาว จนได้รู้ว่า คนเราไม่อาจเป็นได้ทั้งสองอย่าง ไม่อาจมีได้ทั้งสองอย่าง ฉันเป็นคนพเนจร ไม่ใช่ชาวไร่ ฉันเป็นผู้แสวงหา มิใช่ผู้เก็บรักษา เป็นเวลาช้านานที่ฉันแช่งด่าตัวเองต่อพระผู้เป็นเจ้า และบทบัญญัติซึ่งเป็นเพียงรูปสักการะบูชาสำหรับฉันเท่านั้น

นี่คือสิ่งที่ฉันทำผิด, ความรวดร้าวของฉัน, ความยุ่งยากในโลกอันเจ็บปวด ฉันเพิ่มความผิดและความเจ็บปวดของโลกนี้ขึ้นอีก โดยทำร้ายตนเอง โดยไม่กล้าเดินไปหาเครื่องช่วยให้ตัวพ้นภัย หนทางช่วยให้พ้นภัยมิได้ไปทางซ้ายหรือทางขวา- - -มันนำไปสู่ดวงใจของเธอเอง ณ ที่นั้นเท่านั้น คือพระเจ้า และสันติสุข

ลมชื้นของภูเขาโชยผ่านฉันไป เบื้องหน้าคือเกาะสีน้ำเงินแห่งสวรรค์ กำลังจ้องมองลงมายังประเทศอื่นๆ ภายใต้สวรรค์เหล่านี้ที่ฉันจะมีความสุขเป็นบางครั้ง และบางคราวฉันจะคิดถึงบ้าน ฉันเป็นคนเต็มคน เป็นนักพเนจรที่แท้จริง จึงไม่ต้องคิดถึงบ้าน แต่ฉันรู้ ฉันไม่ใช่คนสมบูรณ์แบบ ไม่พยายามแม้แต่จะให้สมบูรณ์แบบ ฉันต้องการชิมรสชาติของความคิดถึงบ้าน เช่นเดียวกับลองลิ้มรสความสนุกสนาน

ฉันกำลังป่ายปีนเข้าไปในสายลม หอมกลิ่นสถานที่และระยะทางไกลออกไป, เพิงเก็บน้ำและภาษาต่างด้าว, แนวภูเขาและสถานที่ภาคใต้ ช่างเป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยความหวัง

ลาก่อน บ้านไร่เล็กๆ และบ้านเกิดเมืองนอนของฉัน ฉันขอลาจากไปดังเช่นชายหนุ่มลาจากแม่ของเขา เขารู้ว่าถึงเวลาจะต้องลาไปแล้ว และเขารู้ด้วยว่า เขาไม่มีวันละทิ้งแม่ไปได้โดยสิ้นเชิง แม้ว่าจะปรารถนาก็ตาม.


จากบทหนึ่งใน ร่อนเร่พเนจร (Wandering)
เฮอร์มันน์ เฮสเสะ : ประพันธ์
สาลินี คำฉันท์ : แปลเป็นภาษาไทย


สมัยยังเด็ก ผมชอบไปเล่นพิมพ์ดีดในที่ทำงานของพ่อ
คำที่พิมพ์ง่ายคำหนึ่ง คือ สงคราม
เพราะเมื่อพิมพ์นิ้วจะไต่ไล่ลงเรื่อยๆ นั่นคือ ส่วนหนึ่งที่ย้ำเตือนผมเสมอว่า
สงครามมีแต่นำไปสู่หนทางที่ต่ำลง

คนพเนจรมากมายระทมทุกข์กับความบาดหมางของพรมแดนที่ไม่มีอยู่จริง

ในประเทศไทยเอง เกิดพรมแดน และแผนที่
เมื่อสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่สี่นี่เอง
เพราะอังกฤษต้องการทำแผนที่แยกดินแดนให้ชัดเจน
รัฐชาติไม่ได้เกิดมาพร้อมกับสำนึกเมื่อเราลืมตามาบนโลก
เราต่างถูกเสี้ยมสอนให้เข้าใจว่าเราเป็นคนของรัฐใดรัฐหนึ่ง
ในสมัยยังไม่มีใครสนใจว่า
พรมแดนของประเทศมีอยู่ถึงตรงที่ใดนั้น
ต้องไปถามคนที่ใช้ชีวิตในบริเวณนั้นเอาเอง...

สงคราม เอยสงคราม
มนุษย์เราฆ่ากันด้วยเรื่องใดได้บ้างนะ ?
ใครสักคนภายในตะโกนออกมา
"จำเป็นต้องมีเหตุผลด้วยหรอกหรือ?"
ใครสักคนภายใน คอตก และหม่นเศร้า

คนพเนจรยังต้องกลัดความทุกข์ระทมต่อไป...


*ถ้อยคำและประโยคที่เน้นตัวหนาเป็นการกระทำด้วยความนิยมของผมเอง
ไม่ได้มีอยู่ในต้นฉบับแต่อย่างใด

6 Comments:

At 5:58 PM, Anonymous Anonymous said...

ช่วงนี้--

หนังสือของเฮอร์มาน เฮเส อยู่บนหัวนอนของยีนใช่มั้ย...

พี่จ๋อยเองบนหัวนอนมีแต่หนังสือไร้สาระ อย่าง แอล เดคคอร์
เป็นคนชอบดูหนังสือตกแต่ง หนังสือบ้านมาแต่ไหนแต่ไร
ได้แต่คิด ฝัน ฟุ้ง เพ้อเจ้อไปว่าสักวัน...เราคงมีบ้านน่ารักๆ เป็นของราเองสักหลังหนึ่ง

แต่ทุกวันนี้-- แม้แต่ผืนดินสักผืนที่เป็นของเราเองก็ยังไม่มี
ใครใครต่างพูด(และถูกทำให้เชื่อว่า...เกิดเป็นคนไทยนี้แสนดีหนักหนา ใครใครต่างก็บอกว่ารักแผ่นดินไทย ใส่เสื้อเหลือง ตะโกนบอกถ้อยคำจงรักภักดิ์ดี...

แต่...มีสักกี่คนที่ลงมือทำความดีอย่างจริงจัง

นั่งแท็กซี่เมื่อสองสามวันที่ผ่านมา ก็ยังขับปาดหน้ากัน ด่าทอกัน หากคนรักในผืนดินที่ตนอยู่จริง คงไม่ทำร้ายกันด้วยถ้อยคำและความรู้สึกที่แสดงออกเพื่อเข่นฆ่ากันอย่างนี้

คิดอย่างนี้แล้ว...การฟุ้งฝันถึงผืนดินที่ไม่มีอยู่จริง คงเป็นความสุขเล็กเล็กน้อยน้อยที่พอจะทำได้...ในเมืองใหญ่ที่ใครต่างก็จับจองเป็นเจ้าของกันหมดแล้ว

ป.ล. โทษทีนะ พูดเรื่องอะไรไม่เข้าท่าเลย...เกิดอาการรั่วนิดหน่อยจ้า

 
At 11:10 PM, Blogger eek said...

ตอนอยู่กทม. ทุกแปดโมงเช้าและหกโมงเย็น ผู้คนพนักงานบริษัททั้งหลายแถวเวิร์ลเทรดจะยืนตรงเคารพธงชาติ


รู้สึกดีที่ได้ทำแบบนั้น และได้เห็น

 
At 1:16 AM, Anonymous Anonymous said...

เรื่องพรมแดน ... อาณาเขต
เป็นเรื่องอ่อนไหวมากเลยนะครับ ผมว่า...

เอาง่ายๆ แค่อาณาเขตของ "บ้าน"
แค่กิ่งมะม่วงยื่นข้ามรั้วเข้าไปในอาณาบริเวณของเพื่อนบ้าน
ยังกลายเป็นกรณีพิพาทได้

พรมแดนประเทศไม่ต้องพูดถึง
ดูข่าวก่อการร้าย พวกแบ่งแยกดินแดน
ในมุมโน้นมุมนี้ของโลกทีไร
เศร้าใจทุกที ...

 
At 12:57 PM, Blogger ไอ้หนวดยีน said...

พี่จ๋อย--

เมื่อวานผมก็แย่ๆ
อาจเพราะฝนตกหนักแล้วรู้ว่า
หลังคาบ้านที่มีไม่ได้ดีเหมือนที่คิด
(มันรั่ว)

ฝันเกี่ยวกับบ้านของผมเลือนลางไปทุกที
มองไม่เห็นชัดว่ามันจะออกมา
รูปร่างหน้าตาเช่นไร...
ที่จริงแล้วทุกพื้นดินเป็นของเรา
ถ้าเอาอย่างอ้ายแสงดาวว่าไว้
เราคือประชากรโลก พลเมืองของจักรวาล
ก็คงดี

เราหลงรักรูปแบบที่ฉาบฉวยของการแสดงออก
หรืออาจผมเองด้วย..

พี่จ๋อย
เมื่อวานเข้าไปอ่านในบล็อกพี่จ๋อยแล้ว
ไม่กล้าเขียนตอบอะไรลงไปเลย
รู้สึกว่าต้องกล่าวคำขอโทษ
แต่มันคงแผ่วเบาและไม่ได้เต็มปาก
มีเรื่องมากมายที่ผมควรทำได้ดีกว่าที่ทำไป
ผมไม่น่าหยิบเรื่องโทรศัพท์ฯมาถามย้ำพี่
ด้วยอารมณ์ล้อเล่น..
ผมควรจะเอ่ยปากสักคำว่า
ไม่เป็นไรหรอกพี่-- ในเวลานั้น
แทนที่จะเพียงหันไปมองแม่ค้าผัดไทย
นึกย้อนแล้ว, เรื่องเศร้ามันกร่อนใจ
คนที่เราอยู่ใกล้ยังไม่รู้ตัวนี่
รู้สึกแย่ว่ะพี่

ป.ล.พี่เขียนคนดีจริงๆ ด้วย^^

อิ๊กเว้ย
จำได้ว่าสมัยมัธยมฯ
การเข้าแถวเคารพธงชาติเป็นพื้นที่เราหลีกเลี่ยงที่จะเผชิญหน้ามากที่สุด เด็กผู้ชายชอบไว้ผมยาวยในเวลานั้น การกร้อนผมมีทุกเช้า การไปสมัครเป็นเจ้าหน้าที่ห้องพยาบาลทำเอาเรารอดมาทุกที

แม้แต่ตอนประถมก็เถอะ เราชอบทำหน้าที่สารวัตรนักเรียนที่ประจำอยู่บนอาคาร เวลาที่เด็กคนอื่นเข้าแถวอยู่เบื้องล่าง

ไม่รู้สิ เราเห็นหรือเป็นบ่อยที่คนหลายคนอาจไม่พร้อมจะหยุดในเวลาเช่นนั้น แต่ก็ต้องหยุดเพราะคนรอบข้างหยุด..
แต่ถ้าเป็นอย่างนะเราว่ามันไม่ได้เกิดจากเขาศรัทธาที่จะทำนี่หว่า เราอาจเป็นคนส่วนน้อยที่คิดเช่นนี้
แต่เพื่อนไม่ต้องคิดเหมือนกันก็ได้นี่หว่า!!!
(ขอโทษนะ วันนี้โหมดใจร้ายว่ะ)

คุณขาม
เอาเข้าจริงๆ
มนุษย์กำลังทะเลาะกัน
ด้วยพื้นที่ที่กำหนดขึ้นเป็นอาณาเขตสมมุติ
ที่ไม่มีอยู่จริง
(คิดอีกทีก็สัตว์ทุกชนิดแหละที่สร้าง
อาณาเขตของตน เพื่อยึดครองแบ่งแยกและมีชีวิตอยู่)
เพียงแต่มนุษย์
อาจอาศํยโฉนด พันธสัญญา กฏหมาย
แล้วเราก็ก้มหน้ายอมรับกัน
(อ้าว ก็มันคือข้อตกลงของสังคมนิ)

ผมยังจำอาการไม่เข้าใจกำแพงเบอร์ลินในวัยเด็กได้
เส้นแดนบางเส้นมันแบ่งมนุษย์ออกจากกันได้เพียงนั้น
แล้วอะไรอีกล่ะ เชื้อชาติ ภาษา ทีมฟุตบอลที่เชียร์
ศาสนา ฯลฯ อะไรบ้างนะ?

เสียงตะโกนว่ามันไม่ใช่คนไทยเป็นญวน-- ทำให้มนุษย์ลงไม้ลงมือได้เต็มที่เพียงนั้น เราผลักเขาให้ออกห่างจากความเป็นเรามากที่สุดเพื่อที่จะทำร้ายกันได้โดยไม่รู้สึกผิด

ผมไม่ได้บอกว่า
ผมหลุดพ้นไปยืนมองจากเบื้องบนลงมานะครับ ^^
แต่เพียงรู้สึกถึงคำถามขึ้นมาว่า
มนุษย์เรายึดครองเรื่องสมมุตินานาประการ
แล้ล้มตายไปกับมัน..
ใช่ครับ ไม่ควรมีใครทำหน้าที่ผู้พิพากษาคนอื่น
ผมก็ไม่ควรและไม่ปรารถนาจะเป็นเช่นคลาม็องซ์ในมนุษย์สองหน้าด้วย (แม้ทั้งชีวิตผมอาจเดินทับรอยของเขา^^)อาจจริงอย่างชาร์ตว่า นรกคือคนอื่น
แต่เราก็เกิดมาในโลกนี้ อยู่ในโลกนี้ อยู่ร่วมกันอย่างให้เกิดทางเลือกที่ดีที่สุด (choose the best)

ขอโทษทีครับ วันนี้พร่ามมากไปหน่อย^^
ผมก็ยังเศร้าใจกับข่าวการก่อการร้าย ฯลฯ
แต่วันนี้หรือในไม่ช้า ผมจะไปดู paradise now
เพื่อเรียนรู้ถึงโลกที่หมุนมาจากด้านที่เรามองไม่เห็นเสียบ้าง แต่ก็นะ เรื่องในใจพวกนี้มันก็คุยได้เพียงกับบางคนที่เราคิดว่าเป็นเพื่อนเท่านั้นแหละครับ
(ท่าจะรั่วจริงๆ ด้วยวันนี้ T-T) ฮ่าๆๆ

พี่บอล
ผมไม่รู้จักเพลงนี้อ่ะ
เพลงเก่าแก่ พี่ว่าของใครนะ ศรเพชรเหรอ?
โห ลูกทุ่ง ผมมันเด็กลูกกรุงพี่ ^^
ลูกกรุงของบ้านนอกที่เล่นตามต้นไม้ ทุ่ง
เก็บหินมีประกายมาจินตนาการว่าเป็นเพชรพลอย
ไฮโซอยางผมจะไปรู้จักเพลงนี้ได้ไง ^^
ฮ่าๆๆ

 
At 9:19 PM, Blogger AUY ^ ^ said...

เอาปลาสเตอร์ยามาฝาก

มีแต่คนรั่วเต็มไปหมดเลยวุ๊ย

ยิ้มไว้ โลกสดใสขึ้นเยอะเลย

^^

 
At 11:08 PM, Anonymous Anonymous said...

ขยันตอบจริงจริงยีนเอ๋ย...
พักนี้เราก็เจอกันบ่อยบ่อย แต่เรื่องที่คุยออกจะไร้สาระนะ-- อิอิ ไม่ใช่ไม่ชอบนะไอ้เรื่องไร้สาระเนี่ย...

วันนี้ได้ความรู้(เป็นความรู้ป่าวฟะ)เรื่องการ์ตูนจากบอลและยีนเยอะเลย...เดี๋ยวจะไปตามหาไข่กวนมาอ่าน ชอบนักแลเรื่องมกมกอย่างนี้

เรื่องที่ข้าวสารวันนั้น...ไม่เป็นไรหรอก ดวงพี่จ๋อยไม่ถูกกะแม่ค้ามาแต่ไหนแต่ไร ไม่รู้เป็นไรสิน่า ต้องโดนแม่ค้าด่าอยู่บ่อยบ่อย ไม่เรื่องใดก็เรื่องนึง

และที่จริงแล้ว...ถึงจะไม่มีใครคอยปลอบโยนอยู่ข้างข้างก็ไม่เป็นไรเลย...แมนแมนอยู่แล้วเรา

ยังไงก็ขอบใจจ้า...

 

Post a Comment

<< Home