the Fall from anotherside, Yean

ระหว่างร่วงหล่นจากขอบสะพานสู่ห้วงน้ำเบื้องล่าง คำถามใดวิ่งวนสู่มโนสำนึก...

Thursday, April 26, 2007

พิการ?

ฝนกำลังลงเม็ดอย่างหนัก...
เขาว่ากันว่าพายุฤดูร้อนกำลังเดินทางลง
มายังภาคกลาง

เมื่อวานลมฝนก็มา
วันนี้คาดว่ากว่าฝนจะซาเม็ดลงไป น้ำจากท่อระบายน้ำ
บริเวณหน้าหอพักคงเจิ่งนอง และเอ่อขึ้นท่วมขึ้นมาถึง
ระดับหัวเขาเช่นเคย...

แดดระอุหลายวันที่ผ่านมา เปลี่ยนปรับไปตามสภาพแวดล้อม
หลังจากมีผู้สูงอายุจากไปด้วยสาเหตุของการเป็นลมสองคน
ไม่ช้าฤดูฝนคงย่างกรายมาอีกหน
แต่กว่าจะถึงวันนั้นตาดว่า ฤดูร้อนคงยังทำหน้าที่แข็งขันต่อไป

วันนี้...
หลังเลิกงานพบเจอเรื่องราวที่ทำให้คิดถึง
ประเด็นเดิมๆ เกี่ยวกับความพิการที่เคยได้ยินมา
รถเมล์วิ่งผ่านป้ายหนึ่ง
ชายรูปร่างพิการเหมือนน้องทรายที่เป็นนักแสดงตลกก้าวขึ้นรถมา
ผมไม่กล้าสบตา และมองท่าทางของเขาเกรงว่าจะทำให้เขารำคาญ
และเป็นการเสียมารยาท

แต่กระนั้นผมก็ยังลอบต่าตัวเอง
เพราะเมื่อเขานั่งลงแล้วผมแอบมองท่าทางของเขาพยายาม
จดจำตามนิสัยส่วนตัวที่ชอบแอบร่างคำพูดอธิบายบุคลิคของใครต่อใครลงในสมอง
คิดว่าหากเป็นตัวเราจะเขียนถึงเขาคนนั้นๆ ว่าอย่างไรบ้างนะ

ชายวัยราวสี่สิบกว่าๆ สวมแว่นสายตา
ศีรษะล้าน แต่ยังมีผมสองสีเหลืออยู่ทางด้านข้างและท้ายทอย
รูปร่างของเขาประหลาดตั้งแต่สายตามองไปครั้งแรก
ช่วงลำตัวเหลือสั้นเพียงหนึ่งในสามของความสูงร่างกาย
หลังงองุ้มเพราะกระดูกสันหลังบิดและปูดโปนออกมาทางข้างหลัง
เสื้อเชิ้ตสีครีมที่ยับย่นยิ่งขับเน้นให้เห็นช่วงอกที่หายไปพร้อมกับลำคอ
ศีรษะเสมือนติดอยู่กับไหล่ทั้งสอง เขาสวมกางเกงสีดำ
เข้าใจว่าจะต้องสั่งตัดมาเป็นพิเศษ เพราะบั้นท้ายของเขา
โค้งงอ และบิดออกอย่างผิดรูปเช่นกัน
ช่วงขาของเขายาวมากเป็นพิเศษ จังหวะก้าวเดินคล่องแคล่ว
หลังผ่านชีวิตมาเนิ่นนาน เรื่องราวปกติสามัญเช่นนี้
ไม่ใช่ความลำบากมากเท่าที่สายตาของคนภายนอกอย่างผมมองเข้าไป

เขาลงรถไปก่อน ผมจะลงในอีกสองป้ายถัดมา
ผมใช้เวลาเกือบทั้งหมดบนรถเมล์ปรับอากาศเย็นฉ่ำมองออกไปภายนอก
แต่กลับไม่พ้นความคิดที่วนอยู่ภายใน หลายเรื่องประเดประดัง
หวังเข้ามาร่วมสนทนาพร้อมกันภายใน

บางภาวะผมเรียนรู้รับทราบจากการเติบโตมา
คนพิการหลายคนโดยผ่านสื่อนั้น ดำรงชีวิตได้อย่างน่าภาคภูมิใจ
คนพิการ (ตามการนิยามทั่วๆ ไป) ได้รับการนำเสนอเพื่อจะบอกว่า
เขาไม่ได้แตกต่างออกไป แต่ในการเน้นย้ำเช่นนั้นแบบในสื่อ
บางก็เหมือนเป็นการเน้นย้ำความแตกต่างให้ปรากฏขึ้นไปอีก
ผมเดินผ่านวัดหัวลำโพงในยามค่ำหลายครั้ง
ขอทานข้างหน้ามูลนิธิร่วมกตัญญูหลายคนไม่มีส่วนใดภายนอกพิการเลย
(คำถามผุดขึ้นอีก แล้วความพิการมีแต่สิ่งที่ปรากฏชัดเท่านั้นหรอกหรือ?)
หลายคนบริเวณนั้นมีเสื้อผ้าชุดใหม่มาในทุกวันที่เราสบตายามเดินผ่าน
บางคนหน้าตาบูดบึ้งไม่พอใจกับจังหวะชีวิตที่ดำเนินไป
แน่นอนแหละใครจะพอใจที่ต้องมานั่งขอทาน...

ผมจะรู้สึกมากน้อยเพียงใดในใจ
หากต้องไปนั่งในตำแหน่งเดียวกับพวกเขา TwT

สองสามเดือนมานี้
ใต้หอพักมีเด็กอ่อนเติบโตขึ้นมาสองสามคน
น้องนุช น้องแตงโม และอีกคนไม่ทราบชื่อยังนอนแบเบาะอยู่เลย
น้องนุชโตมาก่อนใครเขา ตอนนี้ก็น่าจะขวบกว่าๆ แล้ว
ผมชอบหยุดยืนดู เวลานุชเคลื่อนไหว แล้วก็เล่นอะไรสักอย่าง
นุชมันน่ารักดี บางทีตอนเช้าๆ ผมออกไปทำงาน
นุชยังเมาขี้ตา ออกมาเดินเล่นในชุดนอนอยู่เลย
บางวันนุชก็ชอบไปนั่งเล่นกับแตงโม ซึ่งเด็กกว่ามาก
แตงโมยังพูดอะไรไม่ได้ แต่เหมือนทั้งสองคนสื่อสารกันได้
ในความเงียบและบทสนทนาในใจ

พ่อกับแม่ของนุช ช่วยกันขายข้าวเหนียว หมูปิ้ง ไก่ปิ้ง ส้มตำ คอหมูย่าง อยู่หน้าหอ
เมื่อเลิกงานกลับมาผมจะเห็นแต่ไกลว่า พวกเขาเริ่มตั้งเตาไฟกันแล้ว
บางโอกาสก็ได้อุดหนุนกันบ้าง โดยมีนุชวิ่งเล่นอยู่ใกล้ๆ
หลายคืนในจำนวนที่ผมเดินผ่าน นุชเล่นอยู่จนดึกดื่นทุกที
การได้มองเห็นเด็กๆ เติบโตมาโดยยังไม่รู้เดียงสา
มันก็สร้างรอยยิ้มได้ดีเหมือนกันนะครับ...


เมื่อกลางเดือนที่ผ่านมา
ผมไม่เห็นพ่อกับแม่ของนุชตั้งร้านค้ามาสองสามวันแล้ว
ไม่ได้เห็นนุชและแม่ในบริเวณหอพัก
หลังเก็บความสงสัยมาเกือบอาทิตย์
ผมก็เลยได้ถามพี่อีกคนหนึงที่มีลูกสาวรุ่นเดียวกับนุชว่า
นุชหายไปไหน?
(ลืมบอกไป เด็กรุ่นที่โตมาพร้อมๆ กันกับนุช
สองสามคนนั้น เป็นเด็กหญิงทั้งหมดเลยนะ)

พี่เขาบอกว่า นุชกับแม่กลับไปเยี่ยมบ้านที่เชียงราย
คงกลับมาอีกทีหลังสงกรานต์

ความทรงจำเกี่ยวกับคำตอบนี้ไม่ได้หายไปไหนนะครับ
เพียงแต่หลังสงกรานต์มาเกือบอาทิตย์แล้ว ผมยังไม่เห็นวี่แววของนุชกับแม่เลย
หลายคำถามในใจเริ่มถากถางมาอีกแล้ว ประมวลผลจากเรื่องเล่าเคยพบ
พ่อของนุชทำไมไม่ไปด้วยกัน? หรือเขาทะเลาะกัน?
เขาอาจจะเลิกกัน? พ่อของนุชชอบเล่นพนันบอลอาจทำให้มีปัญหาครอบครัว?
แล้วนุชล่ะ ในนาทีนั้น ยอมรับว่าผมพิพากษาพ่อนุชซะแล้ว
ทำให้แอบไม่พอใจขึ้นมาทันที

(ทั้งๆ ที่เอาเข้าจริงๆ เรื่องแบบนี้หากมันเกิดขึ้น
ปัจจัยนานาประการคงมีผลมากกว่าข้อสังเกตของคนภายนอกอย่างผม)

วันนี้ หลังลงรถเมล์แวะซื้อน้ำส้มสำหรับไว้ดื่มเช้าพรุ่งนี้
เดินเข้ามาซอยในใจยังคิดถึงเรื่องราวของความพิการต่างๆ ที่สนทนาภายใน
ความพิการคืออะไร เพียงอาการไม่ครบสามสิบสองเท่านั้นหรอกหรือ?
คนพิการในนิยามที่ว่า ทำไมหลายคนสามารถหนัดยืนอยู่ได้
พี่คนที่หลังคดอย่างน้องทราย แต่งกายด้วยชุดพนักงานบริษัท
เขาเดินได้อย่างคล่องแคล่ว ไม่หวั่นไหวต่อสายตาของใครๆ
มันทำให้ผมนึกถึงพี่สาวคนหนึ่ง สมัยที่ยังทำงานร้านเช่าการ์ตูนที่เชียงใหม่

พี่เขาเดินไม่ได้อย่างคนทั่วไป จำเป็นต้องใช้ไม้เท้าพยุงใต้รักแร้ทั้งสองข้าง
บางครั้งก็มากับแฟน แต่บางครั้งก็สามารถมาคนเดียวได้
แต่ทุกครั้งที่พบกัน ผมไม่เคยสังเกตเห็นความหดหู่ในดวงตาของพี่เขาเลย
มีแต่รอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้า และดวงตา เสียงหัวเราะของพี่เขา
ทำให้บรรยากาศในร้านมีความสุขขึ้นมาด้วย...
อาจเป็นจิตใจที่ไม่ยอมแพ้...
ที่ทำให้ชีวิตเขาเต็มเปี่ยม และแน่นอนคนรอบข้างในครอบครัวก็สำคัญ

เมื่อเดินพ้นหัวถนน
มองเข้าไปหน้าหอพัก ร้านค้าที่ไม่ได้เห็นมาเกือบหนึ่งเดือน
กำลังก่อไฟ และตั้งขาย ชายคนนั้นง่วนอยู่หน้าเตา
ผู้หญิงอยู่หน้าครก และเด็กหญิงวิ่งเล่นไปมา

แม่และนุชกลับมาแล้ว ^^

สุดท้ายอาจเป็นจิตใจผมเองที่พิการ
เผลอเลอพิพากษาเรื่องราวจากภายนอกทั้งหมด


ข้างนอก - ฝนหยุดตกแล้ว...


ป.ล.




นี่รูปของน้องทราย นักแสดงตลกคนที่เอ่ยอ้างถึง
เมื่อมองไปที่ชีวิตคนๆ หนึ่ง ใครมีอำนาจอวดอ้าง
หัวเราะใส่ชีวิตใคร? ใครกัน?

แต่กระนั้นผมคิดว่า
หากได้ดูเขาแสดงตลกในครั้งต่อไป เมื่อเขาแสดงได้ตลก
ผมก็คงยังหัวเราะอยู่ คิดเข้าข้างตัวเองว่าไม่ได้หัวเราะความพิการในตัวเขา
อาจเป็นความพิการในตัวผมเอง...
และหากเสียงหัวเราะของผมให้ความหมายของการมีชีวิตของใคร
รู้สึกดีกับการกระทำของเขา
มันก็ควรจะแบ่งปันกันไปมิใช่หรือ?

เขียนเสร็จ 20.12 นาฬืกา วันเดียวกัน

3 Comments:

At 10:09 AM, Blogger ไอ้หนวดยีน said...

เฮ้อ...
เขียวยาวๆ เนี่ยไม่มีใครอ่านจริงๆ ด้วย

วะฮ่ะฮ่า ^^

 
At 9:10 PM, Anonymous Anonymous said...

เข้ามาอ่านหลายวันแล้วนะครับ
แต่พอคลิกคอมเมนท์แล้วมันกลายเป็นหน้าว่างๆ สีขาวตลอดเลยอ่ะ
มักเกิดเหตุการณ์แบบนี้กับ blogspot อ่ะครับ
ไม่รู้เป็นเพราะอะไร

ผมเคยเจอ คุณน้องทราย คุณแม่ขอร้องคนนี้ ด้วยนะครับ
เจอตอนเขากำลังซื้อของในร้านบูธ
ตัวจริงคนละเรื่องกับในทีวีเลยอ่ะ

ร่างกายไม่แตกต่างจากที่เห็นในทีวีนะครับ แต่ที่บอกว่าคนละเรื่อง คือดูเขานิ่งๆ ขรึมๆ

เคยเห็นพี่ผู้หญิงคนนึงที่คณะ
ขาเขาเสียข้างนึง เวลาเห็นเขาเดิน ผมจะรู้สึกเจ็บแทน
เพราะรู้สึกว่าขาข้างที่เสียมันต้องรับน้ำหนักตัว เวลาเขาเดิน เหมือนเขาจะล้มตลอดเวลา แต่ผมก็ไม่เคยเห็นเขาล้มนะครับ ^^

วันก่อนเปิดไปเจอพิธีกรหญิงในรายการนึง
รายการที่บอกว่า ผู้หญิงสวยอะไรเทือกๆนั้น
เธอพูดเข้าภาพข่าวของคนพิการในจีนคนนึง
พร้อมกับบอกว่า เธอชอบดูข่าวประเภทนี้มาก
เพราะทำให้เธอรู้สึกดีขึ้น เมื่อเธอรู้ว่ามีคนที่แย่กว่าเธอ
ผมว่ามันไม่จำเป็นเลยนะ ที่จะไปมองความพิการของคนอื่น เพื่อมาสร้างกำลังใจให้ตัวเอง
ผมรู้สึกโกรธๆ ดาราสาวคนนั้นนิดๆ

บางทีคนพิการ อาจจะไม่ได้มองความพิการของตัวเองเป็นเรื่องใหญ่ก็ได้ อาจจะเป็นเรื่องธรรมดาเพราะมันเป็นส่วนนึงของเขา

 
At 1:04 PM, Blogger Unknown said...

เรื่องนี้ดี ดีอ่ะ ดีจริงๆ

 

Post a Comment

<< Home