the Fall from anotherside, Yean

ระหว่างร่วงหล่นจากขอบสะพานสู่ห้วงน้ำเบื้องล่าง คำถามใดวิ่งวนสู่มโนสำนึก...

Tuesday, September 19, 2006

แรงดึงดูด

ผมคิดมานานแล้วว่า...
บางทีการพบเจอของใครสักคนบนโลกนี้
มันเหมือนกับว่าเรามีแรงดึงดูดซึ่งกันและกันอยู่

หากว่าการพบเจอ รู้จักของใครๆ คือ การโคจรรอบกันของดาวเคราะห์
หรือเคหวัตถุต่างๆ ในห้วงอวกาศอันว่างเปล่า
การมาพบเจอกันของใครก็ตามาไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ไม่ใช่การเผลอเรอ
ไม่ใช่เพียงอุบัติเหตุลิขิต แต่ความบังเอิญมากมายก่อรูปขึ้นเป็นเหตุการณ์ในชีวิตของเรา

ตั้งแต่วัยเด็กมานั้น ไม่รู้กี่ผู้คนที่เราพบเจอ จากพราก จดจำ และหลงลืมไปแล้ว
ในช่วงวัยหนึ่ง ผมเคยตั้งใจจะเขียนชื่อของคนที่ผมรู้จักทั้งหมดลงในสมุดบันทึก
เพื่อทบทวนกับพบเจอและจากพราก
แต่ทำไปได้เพียงผู้คนในช่วงวัยก่อนถึงชั้นประถมเท่านั้น
ก็รู้สึกว่ามันมากมายเหลือเกิน มากมายเกินไป...
ผมไม่สามารถ (หรือไม่ก็ยังไม่สามารถ) เขียนถึงผูคนในความทรงจำออกมาทั้งหมด

ผมคิดไปเองว่า เราเปรียบเป็นดาวเคราะห์ หรือเคหวัตถุในอวกาศไพศาล
การมาพบเจอกันของคนเรา
อาจบางทีเป็นเพียงดาวหางฮัลเลย์ที่เดินทางมาถึงแล้วผ่านเลยเนิ่นนาน 76-78 ปี
ค่อยมาเยี่ยมเยือนหน้าใหม่...
หรืออาจเป็นดาวหางเล็กๆ สักดวงที่โคจรหลงมาสู่แรงดึงดูดของกัน
แต่ เมื่อแรงดึงดูดนั้นไม่อาจมากพอ เขา-เธอก็เพียงพบและจากกันไป
อาจจำไม่ได้ด้วยซ้ำมาเคยสบตากันผ่านห้วงอวกาศนี้

สำหรับบางคนนั้น "เพื่อน" การพบกันอาจแตกต่างออกไป
หรือไม่ก็ไม่ต่างกันหรอกกับกรณีอื่นๆ
สิ่งหนึ่งที่พออธิบายความหมายในใจของผมได้ คือ
แรงดึงดูดอาจจะมากพอที่จะทำให้เรารู้ว่ามันอยู่ตำแหน่งแห่งหนไหน
มีความหมายเมื่อได้มองไปเห็น รับรู้
หรือเพียงความทรงจำของการโคจรรอบกันก็มากพอแล้ว
เพื่อน- ทำให้แรงดึงดูดของกันโคจรในระยะที่แตกต่างจากคนทั่วไป
อาจเป็นเรื่องของความฝัน การใช้ชีวิต การแบ่งปัน ความเข้าใจ เรื่องหวัเราะ
และเสียใจนานาประการ วงโคจรของเราอาจจไม่ได้พบเห็นกันทุกวัน
ไม่ได้พบเจอกันทุกบ่อย แต่ถึงแม้โคจรในระยะเช่นนั้น ก็กลับรู้สึกว่า
ยังมีกันและกันอยู่....

แรงดึงดูดบางชนิดก็ทำให้เราอึดอัดได้
เมื่อรู้สึกว่า ดาวดวงใดมีอำนาจและอิทธิพลเหนือความเป็นไปของเรามากเกินไป
แรงดึงดูดที่มากเกินไปจะกดเราให้อึดอัด และวงโคจรจะบิดเบี้ยวไปด้วยปัญหา
ผมไม่รู้ว่ากรณีของข่าวทักษิณกับการรับรู้ของผม พอจะจัดในวงโคจรรูปแบบนี้ไหม?
ถึงแม้มันจะได้รับการยืนยันแล้วก็ตาม... อาจบางทีในความหมายเช่นนี้ก็เกิดกับ
ความรัก ความรักที่ยิ่งหนียิ่งพบเจอ

ในประเด็นของ "คนรัก" แล้ว...
ผมเชื่อเอาเอง (อีกครั้ง) ว่า มีแรงดึงดูดบางชนิดที่พิเศษกว่าทั่วไป
แรงดึงดูดที่ทำให้คนสองคนพร้อมที่จะโคจรรอบกันไปเรื่อยๆ
แรงดึงดูดที่ทำให้ใครสักคนพยายามทำเรื่องราวมากมาย
เหนือไปจากที่เขาหรือเธอเคยคิดว่าจะทำ

แต่แรงดึงดูดของความรักนั้นมีที่ว่างเป็นองค์ประกอบ
ในการแบ่งปันแรงดึงดูดต่อกัน การโคจรรอบใครต่อใครเพียงฝ่ายเดียวนั้น
คงทำให้เขาและเธอเหน็ดเหนื่อยเกินไป... ดวงอาทิตย์อาจร้อนแรง
และทรงพลังอานุภาพมากเกินไปสำหรับความภักดีที่มีให้
ผมเห็นภาพของแรงดึงดูดแบบโคจรรอบๆ กันเสียมากกว่า...

ในขณะเดียวกัน, เขาและเธอก็ยังมีที่ว่างมากพอที่แรงดึงดูดจะไม่ทำร้ายกัน
จินตนาการถึงดาวเคราะห์ที่พุ่งเข้าหากันด้วยแรงดึงดูดมหาศาล
การชนอย่างมโหฬารจะเกิดขึ้น ความเสียกายจินตนาการเป็นศูนย์ถึงภาพนั้น

ผมชอบภาพในหัวเกี่ยวกับเรื่องนี้
ชอบความรู้สึกของการได้โคจรรอบกันและกัน กับคนที่รัก
ชอบความรู้สึกที่จะได้แบ่งปันเรียนรู้ซึ่งกัน...
ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง ในบางวันที่วิถีการโคจรบิดเบี้ยวนั้น
แต่ผมก็ยังเต็มใจที่จะนั่งลงพูดคุยและพร้อมที่จะเรียนรู้กันและกัน
ตามที่บอกแล้ว ข้างต้นว่า
มันคือแรงดึงดูดที่ทำให้รู้สึกว่าเราสามารถทำเรื่องเหล่านี้ได้จริง?

ผมเรียบเรียงมันออกมาได้ไม่ดี จากภาพและความคิดในหัว
เพียงแต่รู้สึกว่าอยากจะเขียนถึงเรื่องนี้ ตั้งแต่ครั้งก่อนๆ ที่เอ่ยเกริ่นไว้
ไม่ต้องสงสัยครับ...
ผมพบดาวที่ผมปรารถนาจะโคจรรอบๆ ด้วยแรงดึงดูดนั้นแล้วครับ
(ไม่ต้องถามซ้ำ "ใช่แล้วครับ ผมมีคนที่ผมรักแล้วครับ" ^^)

ป.ล.
ขอให้พบใครที่คุณปรารถนาจะโคจรรอบๆ กันไปนะครับ

ป.ล. สอง
หลายคนอาจจะบ่นว่า มาเขียนอะไรเรื่องส่วนตัวเช่นนี้
ผมเพียงแต่เคารพตัวเองและความรู้สึกของคนที่เข้ามาอ่านเท่านั้นเองครับ
เพียงยืนยันและรายงานว่า ชีวิตผมโคจรไปมากน้อยเท่าใดแล้ว เท่านั้นเองครับ ^^

ป.ล. สาม
ผมทิ้งคำถามไว้หน่อยว่า มีใครเคยอ่านการ์ตูนเรื่อง บาเครุ
ผลงานของคนเขียนโดราเอม่อนบ้างครับ? ผมเพิ่งซื้อมาอ่านอีกรอบ
ไว้จะเขียนถึงนะครับ

10 Comments:

At 9:29 PM, Anonymous Anonymous said...

บางทีนะ...บางที

แรงดึงดูดของคนบางคนอาจมาพร้อมๆ กับแรงเหวี่ยง
ที่เราไม่สามารถคำณวนด้วยหลักฟิสิกส์ถึงกำลังแรงได้...

แล้วเวลาที่เราเผลอใจ--ไปกับแรงดึงดูดนั้น-นั้น
ก็เท่ากับเราหลงโคจรอยู่ในแรงเหวี่ยงนั้น-นั้น...ไปด้วย

ถ้า..เราจะแค่มีแรงดึงดูดเป็นของตัวเอง...นะ

เมานิดหน่อย---

maeb*

 
At 10:03 PM, Anonymous Anonymous said...

ยินดีด้วยยีน

ขณะโคจรนั้นมันอาจจะเหวี่ยงๆแกว่งๆบ้าง
แต่เชื่อเถอะว่า ความรัก จะทำให้วงโคจรสมดุลในที่สุด

เมื่อคนพลัดมาพบกันและต่างก็เกิดแรงดึงดูด
ฉันว่ามันเป็นสิ่งมหัศจรรย์
กระแสบางอย่างที่บางทีเราก็ไม่รู้ว่าคืออะไร
ค่อยๆ โน้มคนสองคนเข้ามาใกล้กันอย่างเบาๆ

- บางทีแทบจะไม่ทันรู้สึกตัวเลยเชียว -

เกิดความรู้สึกอยากพบ อยากพูด อยากรู้จักให้มากขึ้น
โคจรไปรอบๆกันและกัน มองดูและเรียนรู้

ว่าแต่ว่า ตำแหน่งที่ปรึกษาปัญหาหัวใจของดิฉัน
...ยังปฎิบัติงานไปพร้อมๆกับโคจรใช่ป่ะเนี่ย
เดี๋ยวไปหาปัญหาใส่ตัวก่อน แล้วจะแวะมาปรึกษา
เอิ๊กๆๆ

 
At 11:03 PM, Anonymous Anonymous said...

อ่านจนถึงบรรทัดท้ายๆ แล้วก็ต้องอมยิ้ม

^ _ ^

ดีใจกับคุณยีนด้วยครับ

อืม... รู้สึกมีกำลังใจที่จะโคจรต่อไปแฮะ

บาเครุ ไม่เคยอ่านครับ
ท่าทางจะน่าสนใจมากเลย... จะรออ่านครับ ^^

 
At 11:29 AM, Anonymous Anonymous said...

แหง่ก--

ตกคณิตฯ วิทย์ฯก็ร่อแร่อ่ะ

ทีแรกคิดว่าจะได้ทบทวนความรู้ทางวิทยาศาสตร์เรื่อง 'แรงโน้มถ่วง-แรงดึ๋งดูด เอ้ย แรงดึงดู๊ด เอ้ย...ไม่ใช่ แรงดึงดูด'--เออ ถูกซะที

555+

ทีไหนได้กลายเป็นเรื่องรักซะนี่นะนั่น

แง่ง แง่ง แง่ง แง่ง แง่ง

 
At 5:21 PM, Blogger ไอ้หนวดยีน said...

พี่บีม...
ผมไม่เชี่ยวชาญเรื่องแรงดึงดูดนักหรอกครับ
เพียงแต่รู้สึกเอาน่ะครับ ^^
ส่วนที่จริงแล้ว เราทุกคนมีแรงดึงดูดเป็นของตัวเองนะครับ เราหมุนรอบตัวเองสม่ำเสมอเพียงแต่ คนในโลกมักหลงลืมว่าโลกหมุนอยู่เสมอ จะเข้าใจเมื่อเวลาเดินทางบอกเราว่ามันเปลี่ยนทิศเปลี่ยนทางไปแล้วเท่านั้นเอง ว่าแต่ เอ่อ...เมาอีกล่ะ -_-:
แล้วเจอกันนะครับ พี่

พี่บุญชิตฯ
อืม เพลงแรงดึงดูดนั้นผมก็ชอบครับ
ส่วนบาเครุใช่แล้ว ครับเรื่องกดจมูกเปลีย่นตัวนั่นแหละครับ ฝาแฝดนั่นผมก็ชอบอ่าน แต่ที่ซื้อมาพร้อมกับเรื่องบาเครุกลับเป็นเรื่อง ตำรวจกาลเวลา ครับ เรื่องนี้ผมชอบมาก ไว้จะเขียนถึงดีๆ ล่ะกันครับ

น้าจูน...
อืม หวังว่าจะได้โคจรรอบกันไปอย่างสมดุลเรื่อยไป เช่นกันครับ ^^
ขอบคุณครับ

คุณขาม...
แฮ่ม!!! ขอบคุณครับ
รู้สึกมีกำลังใจที่จะโคจรต่อไปก็ดีเลยครับ ^^
อืม อาจจะไม่ใช่เรื่องน่าสนใจขนาดนั้นครับ
บาเครุน่ะครับ แต่เป็นการ์ตูนที่เคยอ่านตอนเด็กๆ น่ะครับ เพียงไอ่แก่ระลึกความทรงจำเท่านั้นเองครับ ^^

พี่จ๋อย...
แหง่ก ไรอ่ะ ^^
ความรู้ทางวิทยาศาสตร์เรื่องแรงดึงดูดของผมก็ร่อแร่อ่ะครับ จะเขียนอย่างนั้นจริงๆ สงสัยต้องไปรื้อฟื้นดีๆ ล่ะครับ
เอ่อ...ว่าแต่ มุข..เอ่อ..มุขน่ะ
อ๊อดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!
ถือว่าไม่ผ่านครับ ฮ่าๆๆ

ป.ล.มาแง่งๆ อะไร เดี๊ยะ ไหว้ซะนี่ ^^

 
At 11:45 PM, Anonymous Anonymous said...

อย่าเพิ่งหลุดวงโคจรนะ...กำลังสร้างวงโคจรของตัวเอง หวังว่าจะสมบูรณ์ดี...

 
At 11:10 PM, Anonymous Anonymous said...

สำหรับผมมีแต่แรงต้านทาน อาจจะเป็นแบบ แม่เหล็ก

ขั้วบวกกับขั้วบวก ขั้วลบกับขั้วลบแฮะ

(ความรักคือแรงต้านทาน)

เพิ่งมีโอกาสแวะมาเยี่ยมเยียน

(อยากอ่านนักสู้คอมพิวเตอร์ ภาคแรก อ่า

ตั้ง 540 แน่ะ แพงจัง จัดเล่มไม่ดีด้วย)

 
At 10:06 PM, Anonymous Anonymous said...

วงโคจรของดวงใจ..หลายดวง

มารวมกันเป็นระบบสุริยหฤทัย..

หลายๆ ระบบ รวมกันเป็น แกแลกซี่

ในจักรวาลใจ..

โอว..ช่างเป็นเรื่องรักน้อยนิด มหาศาลกระไรเช่นนี้

ชอบเรื่องนี้ของยีนมากๆ

คิดไปต่อได้เยอะเลย เอาหลักการนั้นมาใช้ในชีวิตได้อีก

ใช่เลยว่าถ้าแรงดึงดูดไม่สมดุลกัน..มันน่ากลัวที่เราจะถูกดูดดึงเข้าไปแตกแหลกราญ

แต่หลายครั้ง.. ใจคนเราก็อาจคล้ายดาวเคราะห์น้อย ที่ไปเจอแรงดึงดูดจากดาวฤกษ์ดวงงาม ดาวเคราะห์น้อยจึงกลายเป็นดาวเคราะห์มาก..ถูกดูดดึงจนกลายเป็น "ดาวตก" (ให้บางคนได้อธิฐาน..ไง-ว่าไปโน่น)

แม้จะแหลกราญ แต่ก็ได้หลอมรวมไปด้วยกันเหลือเพียงหนึ่ง..เดียว

ปล. นึกถึงเพลงของ ทีโบน ง่ะ..

 
At 2:51 PM, Blogger ไอ้หนวดยีน said...

โต...
เชี่ย เขียนอะไรให้ตรูเข้าใจด้วยได้ไหมอ่ะ
สรุปตามที่เข้าใจว่า กำลังมีใครคนนั้นสิเนี่ย
เอาเลย ลุยยยยยยยยยยย!

ใครก็ไม่รู้
(แต่เข้าใจว่าอาร์ต) ใครเนี่ย?????
อืม นักสู้คอมพิวเตอร์
ที่เป็นการ์ตูนบังคับหุ่นนักมวยปล้ำสู้กันป่ะ?
เรื่องนั้น ตอนเด็กๆ อ่านก็สนุกดี^^

พี่เขียน...
ขอบคุณครับที่ชอบ ^^
แต่ เอ่อ...พี่เขียนจินตนาการต่อไปไกลจริงๆ ด้วย
ฮ่าๆๆ

 
At 12:42 AM, Anonymous Anonymous said...

ดีใจด้วย ที่เจอคนที่ชอบและใช่...

 

Post a Comment

<< Home