the Fall from anotherside, Yean

ระหว่างร่วงหล่นจากขอบสะพานสู่ห้วงน้ำเบื้องล่าง คำถามใดวิ่งวนสู่มโนสำนึก...

Tuesday, January 01, 2008

ขอให้มีเรี่ยวแรง

ผมเริ่มต้นปีใหม่ด้วยการ
วิ่งเข้าห้องน้ำพร้อมหนังสือการ์ตูน รถด่วน999
ขับถ่ายบางสิ่งออกจากร่าง
แล้วอาบน้ำ แปรงฟัน

เปล่าครับ....
ไม่ได้ถือฤกษ์ยาม
หรือสร้างสัญลักษณ์อย่างไร
เพียงแต่เป็นเช่นนั้น

กิจกรรมข้างต้น
เสร็จสิ้นก่อนเสียงพลุจางหายเสียอีก...

การข้ามวันอีกหนึ่งวัน
ที่มีเสียงพลุเฉลิมฉลองให้
บางสิ่งยังคงเดิม ไม่ต่างออกไป
อย่างน้อยคงเป็นโอกาส
ให้ทบทวนและก้าวต่อไป

Photobucket

ในเมื่อคนทำสิ่งเลวร้ายยังกระทำอยู่ทุกวัน
แล้วทำไมเราจึงต้องหยุดทำความดีด้วยเล่า?

ขอให้มีเรี่ยวแรง
ทำสิ่งที่รักและศรัทธาต่อไปครับ

(^^

6 Comments:

At 11:44 AM, Anonymous Anonymous said...

ผมเริ่มต้นปีใหม่ด้วยอะไรไม่รู้สิครับ
รู้แต่ว่ามีบางอย่างเปลี่ยนแปลง ทั้งภายนอก ภายใน

ผมส่งท้ายปีเก่าด้วยการปิดบล็อกอีกรอบ
ถ้าโทรุอยากปลีกวิเวก ไปครุ่นคิดถึงบางสิ่งบางอย่างที่ก้นบ่อ ผมคงไม่ต่างกับเขาเท่าไหร่ ที่อยากหลบไปคิดทบทวนอะไรต่อมิอะไรอีกสักครั้ง (รู้สึกว่าตัวเองน้ำเน่าดีแท้)

แต่ผมมั่นใจว่าผมมีสิ่งที่รัก และศรัทธาเหมือนกับคนอื่นๆ เขาแล้วล่ะ เพียงแต่กำลังค่อยประคับประคองมัน และอายเกินกว่าจะบอกใครๆ เพราะมันต่ำต้อยพอสมควร

ช่วงปีใหม่ ผมได้เดินทางอีกหน
เดินทางทุกครั้ง เรามักจะมีมุมมองใหม่ๆ อยู่ตลอดเนอะ คุณยีนว่าไหม
แต่ในความคิด ในหัวใจของคนเดินทางหลายๆ คน
เรามักจะรู้สึกคล้ายๆ กันหรือเปล่า
ผมสงสัยจัง

สวัสดีปีใหม่ครับ

 
At 9:43 PM, Anonymous Anonymous said...

คุณขามคะ หากเรามั่นใจใน 'สิ่งที่รักและศรัทธา' คงไม่มีอะไรต่ำต้อยหรือน่าอายเกินกว่าจะบอกกล่าวหรอกนะคะ
จริงๆ นะ
(ขออนุญาตตอบแทนเจ้าของบล็อค อิอิ)

สำหรับเรา...
ปีใหม่นี้ก็มีอะไรแปลกๆ เข้ามาเยอะดี มีคนใหม่ๆ ให้รู้จัก มีงานใหม่ๆ ที่ท้าทาย
และคงต้องเหนื่อยหนัก
แต่ไม่รู้เป็นเพราะเข้าสู่โหมดของการเป็นผู้ใหญ่แล้วหรือเปล่า เราถึงรู้สึกว่า ต้องเก็บเกี่ยวประสบการณ์เอาไว้ให้มากที่สุด เพราะโอกาสก็เหมือนกับนกที่ไม่ได้บินผ่านมาบ่อยๆ
พูดอย่างนี้ ไม่ใช่ว่าต้องการจะตะกายดาวมุ่งสู่ความสำเร็จหรอกนะ
แต่เพราะคิดว่า หากเรามีอาวุธติดตัวมากขึ้น เราก็จะทำอะไรเพื่อคนอื่นๆ ได้มากขึ้นด้วย
เพื่อนเราคนนึงเคยบอกว่า โลกต้องการคนดีและคนเก่ง เพราะดีอย่างเดียวนั้นทำอะไรไม่ได้
แต่ถ้าดีและเก่งด้วย ก็อาจจะช่วยให้โลกใบนี้มันโหดร้ายน้อยลง
นั่นคือ สิ่งที่เราพยายามจะเป็นให้ได้
ในชั่วชีวิตสั้นๆ นี้
----

แหะ แหะ
บังเอิญผ่านมา ไม่รู้ว่าพี่ยีนยังใช้บล็อคนี้อยู่แฮะ
อืมม อาจเห็นหนูเข้ามาวิ่งเล่นในบล็อคพี่ยีนบ่อยๆ ก็ไม่รู้รู้เป็นไรนะคะ แต่อ่านเรื่องที่พี่ยีนเขียน มันทำให้ได้คิดอะไรเยอะดี เวลาเซ็งๆ เครียดๆ ก็มีเรื่องขำขำมาเรียกรอยยิ้มได้ซำเหมอ(^^

 
At 11:05 PM, Blogger ไอ้หนวดยีน said...

อ่า...คุณขาม
หายไปอีกแล้วเหรอ?
แล้วผมจะไปตามอ่านงานจากที่ไหนเนี่ย (Y-Y)

อาจจะอย่างที่นาว่าแหละ
คุณขาม ว่าสิ่งที่เรารักและศรัทธามันมีค่าเสมอ
อย่างน้อยสำหรับตัวเราแน่นอน
ถึงผมจะไม่อับอายที่จะบอกใครต่อใคร
แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องแสดงคุณค่าหรอกครับ
การบอกต่อใครต่อใครว่าสิ่งใดที่เรารักและศรัทธาน่ะ
ในใจเรารู้คุณค่าและความหมายของมันอยู่แล้ว

เห็นด้วยกับคุณขามว่า
การออกเดินทางทุกครั้ง มักมีมุมมองใหม่ๆ เกิดขึ้น
บางครั้งต่อตนเอง และบางครั้งต่อโลกหรือสรรพสิ่งอื่นๆ ในบรรณพิภพ

คุณขาม, หากมีเวลา
มีโอกาสแวะมาเยี่ยมผมอีกนะครับ
ผมยินดีที่เราได้รู้จักกันจนบัดนี้
แม้จะผ่านเพียงหน้าจอของโลกเสมือนก็ตาม

คนเราจำต้องมีเวลาทบทวนตัวเองครับ
ผมเชื่ออย่างนั้น
แม้ว่าจะโดยการเลือกหรือบีบบังคับก็ตาม
เมื่อเลือกไต่ลงสู่ก้นบ่อ
ผมทำได้เพียงเตือนให้นำไม้เบสบอลขนาดเหมาะมือติดตัวลงไปด้วย เมื่อก้าวสู่โลกนั้นจะได้กระชับและมั่นใจ ขอให้รอยปานสีน้ำเงินหายไปเมื่อทุกอย่างผ่านพ้นด้วยดีนะครับ แล้วเจอกันอีกครับ โอตโจะ!!!

สวัสดีปีใหม่ครับ
(^^

 
At 11:14 PM, Blogger ไอ้หนวดยีน said...

ดีจ้านา...
แวะมาตอบให้ด้วย ขอบใจมากจ้า (^^

อืม ขอให้นามีอาวุธที่กระชับมือและทรงประสิทธิภาพที่จะทำให้นาสามารถทำอะไรเพื่อนคนอื่นๆ ได้มากขึ้นไปอีก อาวุธมันก็เหมือนกันที่ ความน่ากลัวของมันไม่ได้อยู่ที่ประสิทธิภาพของมัน แต่อยู่ที่คนใช้...

เราเชื่อว่า เมื่อสิ่งนั้นอยู่ในมือนา
มันจะทำเรื่องดีได้อย่างมีประสิทธิภาพ
(^^

. . . .
ยังใช้เขียนเรื่องราวของชีวิตอยู่บ้างน่ะนา
ที่นี่เป็นการเขียนเรื่องราวที่เรามักคิดว่า
หากเราร่วงหล่นจากขอบนะพานของชีวิต
มีเรื่องราวใดบ้างที่มันจะวิ่งวนเข้าสู่มโนสำนึกของเรา อาจจะเป็นเรื่องอารมณ์โหยหาวัยเยาว์หรือวันพ้นผ่านเยอะหน่อยก็เพราะเราตั้งใจอย่างนั้น แต่บางทีก็เป็นห้วงคิดที่วนวนออกมาสนทนากับตัวเองน่ะ

เพราะฉะนั้น
เข้ามาวิ่งเล่นตามสะดวกเลย

เพียงแต่ว่า...
เข้ามาขำอะไรย่ะ !!!
ช้านนนนนนคนจริงจังนะ (^^

 
At 10:26 AM, Anonymous Anonymous said...

สวัสดีวันจันทร์ครับคุณยีน :)

บางครั้งผมก็รักปานสีน้ำเงินนั่นนะครับ
ถ้ามันจางลง ผมคงรู้สึกถึงการขาดอะไรบางอย่าง

ว่าแต่ผมยังอ่าน BOOK TWO ของ The Wind-Up Bird Chronicle ไม่จบเลยล่ะ เพราะแต่ละวันต้องอ่านอะไรเยอะเหลือเกิน

แต่น่าแปลกนะครับ คุณยีนได้ฝากข้อความที่บล็อกผม และพูดถึง "ความมืดที่ก้นบ่อ" ในขณะที่ผมกำลังอ่านมาถึงตอนที่ว่าในนิยายเล่มนี้พอดี

ความบังเอิญ เรื่องพิศวง เกิดขึ้นในเรื่องเล่าของมูราคามิ เหมือนเป็นเรื่องธรรมดาเลยเนอะ แต่ผมกลับเชื่อในความเป็นไปได้ของหลายๆ เหตุการณ์นะครับ

อันที่จริง ผมพึ่งได้อ่านงานของเขาเมื่อห้าหกเดือนก่อน ผมเริ่มจาก Nowegian Wood และชอบมากเลยครับ ชอบเพราะแค่รู้สึกว่า นิยายของนักเขียนคนนี้มีท่วงทำนองบางอย่าง ที่มันสอดคล้องและเป็นจังหวะเดียวกันกับทำนองในตัวผมเอง ผมจึงกล้าเล่าว่า ผมร้องไห้กับโทรุ(อีกคน) ที่ออกเดินทาง ค่ำไหนนอนนั่น ฆ่าเวลาของทุกๆ คืนด้วยการร้องไห้ เพราะเขาสูญเสียนาโอโกะไป

ผมยังคงแวะเวียนมาอ่านบล็อกของคุณยีนอยู่ตลอดครับ เพราะชอบอ่าน

และดีใจครับที่คุณยีนช่วยย้ำให้ผมระลึกถึงลุงโอตโจะ ฮีโร่ของผม :)
ทุกครั้งที่ลุงแก่โผล่มาในการ์ตูน ผมดีใจ อุ่นใจทุกครั้งเลยครับ (ฮา)
ผมมักนึกถึงบรูซ วิลลิส ในหนังเรื่อง "ตายยาก"
พอเห็นลุงโอตโจะทีไร ผมมั่นใจสถานการณ์มันกำลังคลี่คลาย

แล้วคุยกันครับ :)

 
At 5:56 PM, Anonymous Anonymous said...

สวัสดีวันศุกร์ครับคุณขาม (^^

ไม่รู้ว่าป่านนี้ คุณขามจะไต่ลงไปเจอ
โลกใดเบื้องล่างบ่อน้ำนั้นบ้างแล้ว...
และ
ปานสีน้ำเงินยังดำรงอยู่ไหม

ความบังเอิญ
นับร้อยนับพันทำให้เรื่องราวดำเนินไปครับ
เหมือนงานของมิลาน คุนเดอราก็เคยกล่าวถึง
ความบังเอิญได้งดงามอยู่ ไม่แน่ใจว่าเล่มไหน

นิยายของมูราคามิ
เกาะกุมใจผู้คนที่เว้าแหว่ง
และเปลี่ยวเหงา
ซึ่งกระจัดกระจายและเติบโต
ในสังคมไหลวนอย่างรวดเร็วของทุนนิยม
และโลกาภิวัฒน์ได้ง่ายได้ครับ
เหมือนเขาเดินมาพบเราในบาร์
แล้วผลัดกันเลี้ยงเบียร์
รดราด กำซาบดื่มและกลืนหาย
ก่อนตะวันจะมาเยือน
เรากลายเป็นเพื่อนสนิทกันไปแล้ว...

ขอบคุณที่ยังแวะมา
สม่ำเสมอนะครับ
และดีใจที่ได้คุยด้วยเสมอครับ

แล้วเจอกันครับ

 

Post a Comment

<< Home